เกวลัง ธัญญะเจริญ หัวหน้าการ์ดภาคีประชาชน หรือ เก่ง อาชีวะ และ บก.เอ็ม ปลดแอกชี้แจงกรณีที่ ภาสพงศ์ กุลอมรกานต์ อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันมีนบุรีโปลีเทคนิค ถูกกลุ่มการ์ดอาชีวะรุมทำร้ายหลังก่อเหตุปาระเบิดปิงปอง และยิงปืนใส่กลุ่มการ์ดอาชีวะจน ประภากร ศักดิ์ศรีเท้า อดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันเทคนิคปทุมธานี บาดเจ็บถูกปืนยิงเข้าหน้าท้อง บริเวณคอมมูนิตี้มอลล์ อเวนิว รัชโยธิน ถนนรัชดาภิเษก
เกวลัง กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้ไม่หวังดีประมาณ 8 คนเข้ามาทำร้ายและก่อเหตุ โดยระหว่างนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลได้สอบถามผู้ก่อเหตุที่ถูกทำร้ายว่ายิงปืนทำไม เจ้าตัวก็อ้างเป็นการ์ดอาชีวะ แต่ตนยืนยันไม่ใช่การ์ดเพราะทีมงานไม่เคยพบ และหากเป็นการ์ดจริงต้องสวมปลอกแขน
หากไม่มีปลอกแขนเราจะมีสัญลักษณ์ที่รู้กันภายในโดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อสร้างความกลมกลืนกับกลุ่มผู้ชุมนุม บางทีมอาจสวมริบบิ้น ริดแบรนด์ หรือสร้อย เพื่อเป็นจุดสังเกต
เกวลัง กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ยิงกัน เกิดขึ้นเมื่อประกาศยุติการชุมนุมประมาณ 30-40 นาที มีความจงใจเดินเข้าในในจุดที่ทีมการ์ดนั่งพักอยู่ หน้าร้านแม็คโดนัล ก่อนมีการปะทะคารม แล้วชกต่อยกับการ์ดอาชีวะ แล้วมีคนร้ายขว้างระเบิดเข้ามา จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุก็วิ่งถอยออกมาเพื่อเปิดแนวยิง ซึ่งคาดว่าได้มีการวางแผนเป็นอย่างดี เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุอื่นๆ หนีได้หมด มีเพียงชายร่างท้วมที่ยิง ถูกรุมทำร้าย
ส่วนเรื่องสื่อมวลชนที่โดยผลักอก เกวลัง กล่าวว่า ขอโทษแทนกลุ่มการ์ด เพราะสั่งให้เปิดวงเพื่อนำคนเจ็บออกมา เป็นความผิดพลาด อาจเกิดจากอารมณ์ที่เราต้องการคุมมวลชนที่กำลังโมโห และคนที่ผลักอาจไม่เห็นบัตรสื่อเพราะพื้นที่เกิดเหตุค่อนข้างมืด
ขณะเดียวยังมีข้อมูลที่พบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเองเคยเข้าร่วมในการแถลงข่าวของกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ หรือกลุ่มคนเสื้อเหลืองด้วย ซึ่งในกรณีนี้ ทางกลุ่มการ์ดเองยังไม่ปักใจเชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใด แต่ให้น้ำหนักไปทางเพื่อจงใจก่อกวนการชุมนุมมากกว่าเรื่องของการเป็นคู่อริระหว่างสถาบัน
เกวลัง กล่าวอีกว่า กรณีตำรวจออกมาชี้แจงว่าเป็นการทะเลาะกันเองระหว่างนักเรียนอาชีวะนั้นมองว่าไม่ถูกต้อง ตำรวจควรสืบสวนให้ชัดเจนก่อนจะให้ข่าวกับสื่อ
“ทางตำรวจไม่ควรให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยกล่าวว่าเป็นทะเลาะวิวาทของการ์ดอาชีวะ เพราะมันคือการให้ร้ายต่อผู้ชุมนุมที่มาร่วมชุมนุมอย่างสันติวิธี ตำรวจต้องระมัดระวังการสื่อสารไม่ให้เป็นการชี้นำไปในทางหนึ่งทางใด ที่หนึ่งไปสู่การสร้างความขัดแย้งในสังคม ส่วนอะไรเป็นสาเหตุของการก่อเหตุนั้นก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องสืบสวนสอบสวนให้ละเอียดมากกว่านี้”
เก่ง อาชีวะ ระบุด้วยว่า หลังจากมีเหตุนี้เกิดขึ้น การทำงานต่อไปของกลุ่มภาคีการ์ดเพื่อประชาชนจะเพิ่มการตรวจค้นให้รัดกุมและรอบมากขึ้น โดยอาจจะประสานขอเครื่องตรวจจับอาวุธมาใช้