ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี เตือนจัดเคาท์ดาวน์ระวังโควิด ยันไม่ได้ขู่ แต่ต้องหามาตรการที่เหมาะสม เตือนอย่าขัดแย้ง ลั่นพร้อมทำงานจนตัวตาย เผยกำลังเร่งแก้ปัญหาฝุ่นละออง แนะประชาชนใช้ขนส่งสาธารณะ ห่วงเด็ก-คนชราได้รับผลกระทบ โยนสถานศึกษาพิจารณาปิดโรงเรียน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหม แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า โครงการสถานีกลางบางซื่อ เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ ในการพัฒนาระบบขนส่ง ซึ่งเป็นตัวอยางของยุทธศาสตร์ชาติ ที่จะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในแต่ละรัฐบาล ตามแผนแม่บทที่กำหนดไว้ และจากการทดสอบระบบในวันนี้ (15 ธ.ค.) มั่นใจว่า ประชาชนจะได้รับความสะดวก และมีความปลอดภัย รวดเร็ว สามารถลดเวลาการเดินทางได้ โดยจะพยายามทำให้พื้นที่ว่างเปล่าบริเวณข้างทางรถไฟ ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ว่า รัฐบาลมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือหลากหลายภาคส่วน ทั้งการลดการเผา ลดการใช้รถใช้ถนน ใช้ขนส่งสาธารณะให้มากที่สุด ลดการเผาเพื่อการเพาะปลูก หรือแม้แต่ระบบอุตสาหกรรม แต่จะต้องให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด และห่วงว่า เด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ จะได้รับผลกระทบจากฝุ่นในครั้งนี้มากที่สุดซึ่งสถานการณ์ส่วนหนึ่ง ก็เป็นเพราะสภาพอากาศ รวมถึงสภาพอากาศจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย 

ส่วนการปิดโรงเรียน สถานศึกษา หากสถานการณ์ฝุ่นละอองทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นนั้น นายกรัฐมนตรี ขอให้เป็นเรื่องที่สถานศึกษาจะพิจารณา 

ประยุทธ์ รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) วิษณุ ประวิตร 20201215150705000000.jpgประยุทธ์ รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) คณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล อนุทิน 5170123000000.jpg

เข้มชายแดนสกัดเชื้อโควิด วอนเคาท์ดาวน์ปีใหม่ต้องรักษาระยะห่าง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศว่า ยังคงเข้มงวด ทั้งแนวชายแดน ที่สามารถติดตามตรวจสอบได้ พร้อมกังวลว่า การรวมคนจำนวนมากเข้าไปทำกิจกรรมในที่แคบ ไม่มีระยะห่าง มีความอันตรายเป็นอย่างมาก เพราะสามารถเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ ดังนั้น การจัดกิจกรรมที่มีการรวมคนมาก ๆ หากไม่มีการควบคุม หรือไม่เข้มงวด ก็จะทำให้เกิดการแพร่เชื้อไปยังภูมิลำเนา จนเป็น super spreader ได้ ซึ่งรัฐบาลไม่อยากให้สถานการณ์ ต้องกลับไปล็อคดาวน์ประเทศอีก ซึ่งไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการป้องกัน เพราะประเทศกำลังเดินหน้าเข้าสู่ปีใหม่ ไม่อยากให้ประเทศกลับไปสู่ความทุกข์ ด้วยการล็อคดาวน์ประเทศแบบเดิม จึงขอประชาชนให้ความร่วมมือ รักษาระยะห่าง และปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข และขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาการจัดกิจกรรมถอยหลังสู่ปีใหม่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด โดยจะมีการแจ้งผู้ประกอบการให้รับทราบมาตรการอีกครั้ง 

ส่วนการดูแลตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันผู้ลักลอบเข้าเมืองนั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ขณะนี้ ได้กำลังเพิ่มทหารชายแดนมากพอสมควร และเพิ่มโดรนบินสำรวจ การเพิ่มรั้วลวดหนาว พร้อมขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการทำงานด้วย 

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำด้วยว่า การประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินขณะนี้ เพื่อรักษาสุขภาพของประชาชน ไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องอื่นๆ และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกันภายในประเทศ เพราะหากยิ่งขัดแย้งกัน ประเทศก็จะเกิดความเสียหาย และตนก็รู้สึกเสียใจ จึงขอให้ทุกคนรักษาความสงบ ลดความขัดแย้ง และเคารพกฎหมาย พร้อมย้ำว่า พร้อมทุ่มเททำงานให้กับประชาชน และจะประคับประคองสถานการณ์ ให้สามารถฟื้นตัวได้โดยเร็ว

เตือนอย่าขัดแย้ง ประเทศมีปัญหาโควิดอยู่

นายกรัฐมนตรี ย้ำ ประเทศมีปัญหาโควิดอยู่แล้ว ขออย่าขัดแย้ง ล้มต้องยืนให้ไว้ พร้อมเดินหน้าประเทศ ขอกำลังใจให้ ครม.แต่ไม่ต้องตัวเอง พร้อมทำงานให้ประชาชนจนตาย

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ต้องประคองว่าอย่าให้ล้ม แต่ต้องประคับประคองให้ยืนขึ้น ลุกให้ไว เดินหน้าให้เร็ว เพื่อชดเชยสถานการณ์ที่เสียไปช่วงโควิด พร้อมขออย่าให้เรื่องอื่นมาเป็นปัญหากับรัฐบาลและประชาชน โดยไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกัน เพราะยิ่งขัดแย้งกัน ประเทศชาติก็ยิ่งเสียโอกาส ตัวนายกรัฐมนตรีเองก็เสียใจ สิ่งสำคัญวันนี้ เราต้องรวมใจไทยสร้างชาติให้ได้ ในการลดความขัดแย้ง ไปสู่ความสงบเรียบร้อยให้ได้โดยเร็ว ซึ่งตนขอแค่นั้น และจะทำงานให้ท่านจนตาย ไม่ใช่อยู่จนตาย แต่ว่า ทุ่มเท ทุกคนทุ่มเท ต้องให้กำลังใจ ครม. ด้วย แต่ตนเองไม่ต้องให้ก็ได้ แต่ตนก็ต้องให้ประชาชนอยู่แล้ว ตนอาจจะเป็นเป้าใหญ่ 

ส่วนกรณีมีชื่อ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และ ธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรัฐบาลเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์นั้น นายกรัฐมนตรี ตอบเพียงสั้นๆว่า ไม่รู้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง