วันที่ 8 ก.พ. ที่อาคารรัฐสภา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร กล่าวถึงกรณีพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผยว่า อธิบดีกรมการข้าวกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากมีชายนิรนามป้วนเปี้ยนหน้าบ้านและมีโดรนปริศนาตกในบ้าน
โดย ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า อธิบดีกรมการข้าวได้รายงานเรื่องนี้ให้ทราบแล้ว พร้อมปรึกษาว่าจะทำอย่างไร เนื่องจากบุคคลดังกล่าวมาป้วนเปี้ยนหลายครั้งและมีการใช้โดรนบินรอบบ้านตลอดเวลา ทำให้รู้สึกเป็นห่วงทั้งอธิบดีฯ และครอบครัว จึงได้นัดให้อธิบดีมาพบเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงบ่ายวันนี้ ตนจะได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลในเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าจะส่งผลกระทบในทางคดี
เมื่อถามว่าพฤติกรรมของบุคคลปริศนาถือเป็นการข่มขู่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปตั้งสมมติฐาน ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเป็นเรื่องจริงก็คงมีมาตรการออกมาแก้ไข ซึ่งคดีนี้หลักฐานไปไกลแล้ว คดีจะปิดแล้ว อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดของชายปริศนาที่มาเฝ้าหน้าบ้านของอธิบดีกรมการข้าว กว่าจะเกี่ยวข้องกับคู่กรณีในคดีหรือไม่เนื่องจากเป็นเพียงการรับฟังรายงานทางโทรศัพท์เท่านั้นยังไม่ได้พบตัวอธิบดีกรมการข้าว
ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อยากให้แยกเรื่องคดีความ ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับการทุจริตในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งเป็นหน้าที่ของตนที่จะกำกับดูแลตรวจสอบ ซึ่งจะไม่ละเว้น หากพบข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริต
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนในแต่ละเรื่อง เหตุใดจึงไม่ใช้บุคคลภายนอก ต้องขอชี้แจงว่า หัวหน้าส่วนราชการทั้งหมด อยู่ภายใต้การดูแลของปลัดกระทรวง ตนในฐานะรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้ปลัดเป็นผู้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน จึงไม่สามารถนำบุคคลภายนอกมาเป็นคณะกรรมการได้
ส่วนที่ ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ส่งรายงานการตรวจสอบกรณีกรมฝนหลวงไปถึงรัฐมนตรีว่าการฯ แล้วนั้น ร.อ.ธรรมนัส ยอมรับว่า ได้รับรายงานแล้ว และได้เซ็นอนุมัติให้ปลัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนตั้งแต่ปีที่แล้ว ขอยืนยันว่าทุกเรื่องกระทรวงเกษตรฯ ได้ทำไปหมดแล้ว แต่เมื่อเป็นประเด็นในสังคม กระทรวงก็ต้องเน้นให้ละเอียดมากขึ้นไม่ให้เสียภาพลักษณ์ของ เชื่อว่าน่าจะใกล้เสร็จแล้ว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบดำใบแดงกับผู้สมัคร สส.พรรคพลังประชารัฐ จ.นครสวรรค์ กรณีพบการซื้อเสียงเลือกตั้ง
โดยระบุว่า เพิ่งได้รับข้อมูลนี้จากสื่อมวลชน ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตนไม่สามารถจะเอ่ยได้ แต่ไม่ใช่นโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เป็นความผิดส่วนบุคคล ซึ่งเมื่อเป็นความผิดส่วนบุคคล อดีตผู้สมัครก็ต้องไปแก้ต่างด้วยตัวเอง นโยบายพรรคพลังประชารัฐเราไม่มีนโยบายที่จะไปให้สนับสนุนผู้สมัครในการกระทำละเมิดกฎหมาย กกต.อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบควบคู่ไปกับ กกต.หรือไม่เนื่องจากอดีตผู้สมัครดังกล่าวยังเป็นสมาชิกของพรรคอยู่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้ตนจะนำไปหารือกับคณะกรรมการบริหารพรรค ว่าจะมีมาตรการและการแก้ไขปัญหาอย่างไร
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ระบุว่า จะปรับภาพลักษณ์ของพรรคใหม่เป็นอนุรักษนิยมที่ทันสมัย ได้มีดำริอย่างไรบ้างหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การประชุมพรรคเมื่อวันอังคาร (6ก.พ.) ที่ผ่านมาตนติดภารกิจประชุม ครม.และการประชุมกับกลุ่มพีมูฟจึงไม่ได้เข้าร่วมด้วย แต่ทราบจากสื่อว่าจะมี ยุทธศาสตร์ใหม่ทำพรรคให้เป็นอนุรักษนิยมที่ทันสมัย ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการบริหารพรรคจะมีการประชุม กันอีกครั้งซึ่งเป็นแนวทางที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ได้นำเสนอ
เมื่อถามถึงแนวคิดของ พล.อ.ประวิตร ที่ต้องการปรับภาพลักษณ์ของพรรค เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้า หรือต้องการให้ประชาชนจดจำพรรคพลังประชารัฐได้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของพรรคการเมือง ที่จะต้องรักษาสถานะ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็ถือว่าเป็นพรรคที่มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากพอสมควร 40 ท่าน และ 39 ท่าน ก็เป็นผู้แทนแบบเขต
"ผมกล้าการันตีว่าแต่ละท่านมีคุณภาพ มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องขณะเดียวกันการตั้งกระทู้ถามในสภา เป็นเรื่องสำคัญสำหรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ว่ายุทธศาสตร์ของพรรคในภาพรวมเราก็ต้องทำด้วย พร้อมๆ กันก็เป็นเรื่องปกติ ทุกพรรคก็ทำเหมือนกันหมด" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว