ไม่พบผลการค้นหา
“พิชัย” เสนอนโยบายเศรษฐกิจเน้น 3 ด้านภายใต้รัฐบาลหลังเลือกตั้ง แนะตลาดหลักทรัพย์ต้องปรับให้คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ มุ่งเป็นศูนย์กลางทางตลาดทุนของอาเซียน ชี้รัฐควรเลิกเก็บภาษีเงินออกจากงานเพราะเกษียณอายุ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) กล่าวในงานสัมมนา “นโยบายเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยภายใต้รัฐบาลหลังเลือกตั้ง” ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า นโยบายเศรษฐกิจของไทยหลังการเลือกตั้ง ควรต้องมุ่งเน้น 3 ด้าน  

1. การนำประเทศไทยให้ก้าวทันโลก หลังจากล้าหลังมาหลายปี และต้องก้าวนำเพื่อกำหนดอนาคตประเทศล่วงหน้าเองถ้าทำได้ ซึ่งโลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเฉพาะทางเทคโนโลยี ทำให้เกิด disruption ในวงการธุรกิจอย่างมากมาย และตลอดเวลา เช่น ธนาคารต่างๆ ต้องปิดหลายสาขา เป็นต้น แม้คนส่วนใหญ่จะรับรู้เรื่องนี้น้อย และอาจเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่คนในวงการตลาดหลักทรัพย์จะทราบดี ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการพัฒนาประเทศเพื่อเตรียมรองรับการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก  

2. การรับมือกับปัญหาของประเทศไทย เช่น ปัญหาการเจริญเติบโตที่ต่ำมาหลายปีติดกัน แถมยังไปกระจุกตัว ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาสังคมสูงวัย ปัญหาการว่างงานที่จะสูงขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ เช่น Ai และ Robotic ปัญหาการผูกขาดทางเศรษฐกิจ เป็นต้น  

3. การนำประเทศไทยกลับไปเป็นศูนย์กลางของอาเซียน โดยมีแนวทาง Regional integration ที่จะเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน  

ทั้งนี้ อยากเห็นตลาดหลักทรัพย์ของไทยมีส่วนร่วมในการพัฒนาและแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยอยากให้คนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับประโยชน์จากตลาดหลักทรัพย์ด้วย ไม่ใช่เฉพาะเศรษฐีและคนชั้นกลางเท่านั้น และการเป็นแหล่งระดมทุนให้กับบริษัท startup ทางเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นใหม่ การเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ โดยในเมื่อรัฐยังไม่สามารถช่วยเหลือกลุ่มคนสูงวัยที่เกษียณอายุได้ รัฐจึงไม่ควรเก็บภาษีจากเงินออกจากงานเพราะผู้เกษียณอายุต้องอาศัยเงินนี้ไปอีกนาน 

นอกจากนี้ ยังอยากเห็นแนวคิดที่เคยมี เช่น การเชื่อมต่อกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในอาเซียน ตลอดจนเป็นศูนย์กลางการระดมทุนให้กับบริษัทดีๆ ในอาเซียนโดยเฉพาะใน CLMV เพื่อประเทศไทยจะได้เป็นศูนย์กลางทางตลาดทุนของอาเซียน อยากเห็นตลาดหลักทรัพย์ปรับบทบาทเพื่อรองรับการพัฒนาประเทศตามแนวทางนี้ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง