ราคาอะโวคาโดในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ในเดือนเมษายน 2019 ด้วยความกังวลว่าทรัมป์จะยุติการนำเข้าอะโวคาโดจากเม็กซิโก ซึ่งคิดเป็นที่มาของอะโวคาโดราว 80 เปอร์เซ็นต์ในตลาดสหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้ประกอบกิจการแปรรูปและผู้ค้าส่งเริ่มกักตุนผลไม้ชนิดนี้
ข้อมูลจากโกร อินเทลลิเจนซ์ (Gro Intelligence) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเกษตร ระบุว่าในปี 2018 สหรัฐอเมริกา นำเข้าอะโวคาโดจากเม็กซิกันกว่า 900,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าเกือบ 2.1 พันล้านดอลลาร์ฯ สูงกว่าที่นำเข้าจากประเทศอื่นในโลกราว 10 เท่า
รัฐบาลเวียดนามระบุว่า อะโวคาโดซึ่งมักใช้ทาขนมปังหรือใช้ทำกัวคาโมเลอาจเป็นโอกาสในการส่งออกสำหรับเวียดนาม ขณะที่การบริโภคอะโวคาโดภายในเวียดนามเองก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
"อะโวคาโดเริ่มถูกมองกันมากขึ้นว่าเป็นผลไม้ชั้นดี ที่สามารถนำไปใช้ในการทำอาหารและผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้หญิง" เล แวน ดุ๊ก รองอธิบดีกรมผลผลิตการเกษตร สังกัดกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนาม กล่าว
ดุ๊ก กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส ว่าพื้นที่การปลูกอะโวคาโดในเวียดนามกำลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้น และราคากาแฟที่ต่ำลงก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรชาวเวียดนามหันมาปลูกพืชชนิดอื่นกันแทน รวมถึงอะโวคาโดด้วย
ในเดือนพฤษภาคมนี้ ราคากาแฟเวียดนามตกลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี ด้วยความกังกวลต่อสงครามการค้า สหรัฐฯ-จีน และอุปทานจากบราซิล
เวียดนามได้ส่งออกอะโวคาโดในปริมาณน้อยไปยังประเทศในสหภาพยุโรปแล้ว แต่ยังไม่สามารถบุกตลาดสหรัฐฯ ซึ่งถูกยึดไว้โดยอุปทานจากเม็กซิโกได้ ดุ๊ก กล่าวว่ายังคงเร็วเกินไปที่จะบอกว่าความพยายามส่งออกอะโวคาโดไปยังสหรัฐฯ จะประสบผลสำเร็จ
"ยังคงต้องมีการเจรจากันอีกมาก และต้องมีการคำนึงถึงเรื่องศักยภาพการผลิตและคุณภาพที่จะแข่งขันกับประเทศผู้ผลิตประเทศอื่นๆ ด้วย" ดุ๊กกล่าว
ที่มา: Reuters