กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ประกาศว่า จะเตรียมเงิน 50,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.57 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประเทศยากจนและมีรายได้ปานกลางที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ไอเอ็มเอฟระบุว่า ไอเอ็มเอฟมีศักยภาพในการให้เงินกู้รวมกันทั้งหมด 1 ล้านล้านดอลลาร์หรือราว 31.6 ล้านล้านบาท และไอเอ็มเอฟยังมีเงินกู้ฉุกเฉินให้ประเทศรายได้ต่ำได้สูงสุด 10,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 31,600 ล้านบาทโดยไม่ต้องเข้าโครงการหลักของไอเอ็มเอฟ ส่วนประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่สามารถกู้ฉุกเฉินได้ 40,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 1.26 ล้านล้านบาท

มาตรการฉุกเฉินของไอเอ็มเอฟออกมาหลังจากที่ไวรัสโคโรนาชนิดใหม่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วจากจีนไปยังประเทศอื่นๆ มากกว่า 70 ประเทศแล้ว โดยยอดผู้ติดเชื้อทะลุ 95,000 คนแล้ว

ไอเอ็มเอฟยังเตือนว่า การระบาดได้ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของทั่วโลกปีนี้อยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนแล้ว การคาดหวังการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้นในปีนี้ก็หายไปแล้ว และจะทำให้กำไรจากการผลิตทั่วโลกเติบโตในอัตราต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินในปี 2551

กริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟกล่าวว่า การเติบโตของโลกในปี 2563 จะต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่เป็นไปได้ยากที่จะคาดการณ์ผลกระทบจากโควิด-19 ว่าจะรุนแรงขนาดไหน และจะส่งผลยาวนานขนาดไหน อย่างไรก็ตาม เธอปฏิเสธที่จะตอบว่า วิกฤตด้านสาธารณสุขครั้งนี้จะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ช่วงถดถอยหรือไม่

สัปดาห์นี้ รัฐบาลและธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 โดยธนาคารกลางของสหรัฐฯ ได้ตัดลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อตอบสนองความกังวลว่าไวรัสโคโรนาจะกระทบกับเศรษฐกิจ ถือเป็นมาตรการลดดอกเบี้ยฉุกเฉินครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2551

ก่อนหน้านี้ ทั้งออสเตรเลียและมาเลเซียก็ลดดอกเบี้ยหลังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโณนา ขณะเดียวกันรัฐมนตรีพาณิชย์จากประเทศจี7 ก็เรียกร้องให้มีการใช้ "เครื่องมือด้านนโยบายที่เหมาะสมทั้งหมด" เพ่ือแก้ไขผลกระทบที่เกิดจากโรคระบาด

ด้านธนาคารโลกก็ประกาศว่าจะให้เงินช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังประสบกับโรคระบาดเป็นเงิน 12,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 380,000 ล้านบาท 

ที่มา : IMF, BBC, Al Jazeera