ไม่พบผลการค้นหา
นักร้องสาว เล่าที่มาเพลง 'ครางชื่ออ้ายแน' ใช้แสดงบนเวทีหมอลำซิ่ง สร้างความสนุกสนานให้คนดู ไม่คิดว่าเป็นเรื่องลามกอนาจาร วอนคนดูมองเป็นเรื่องของความบันเทิง และเปิดใจรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม

'กีต้าร์ - เพ็ญนภา แนบชิด' นักร้องค่ายท็อปไลน์ มิวสิค อายุ 28 ปี ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว 'วอยซ์ ออนไลน์' เล่าที่มาของเพลง 'ครางชื่ออ้ายแน' กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ตอนนี้ว่า อาจารย์งัวน้อย กันทรลักษ์ แต่งขึ้นให้เธอและศรีจันทร์ วีสี ร้องในการแสดงของวงหมอลำซิ่ง 'ศรีจันทร์ วีสี - เพ็ญนภา แนบชิด - หนึ่ง พลาญชัย' ตั้งแต่เมื่อ 6 เดือนก่อน และปล่อยวีดิโอประกอบเพลงไปเมื่อ 3 เดือนก่อนจะปิดวงช่วงเข้าพรรษา พอถึงช่วงออกพรรษา เป็นฤดูกาลเปิดวงหมอลำ วงศิลปินภูไท นำเพลงนี้ไปแสดงโดยใช้การแสดงแสงเหงาฉากเข้าเรือนหอมาประกอบทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ และเพลงของเธอก็ถูกหยิบยกมาพูดถึงด้วย

กีต้าร์ เปิดเผยว่า ครั้งแรกที่เห็นเนื้อเพลง เธอรู้สึกแปลกใจที่มีท่อนครางชื่อตอนสุดท้าย ตอนนั้นไม่ได้คิดว่ามันเป็นสิ่งลามกอนาจาร แต่มองเป็นความตลก ซึ่งตอนอัดเสียงเพลงนี้ เนื้อเพลงใช้เวลา 30 นาที แต่ท่อนครางใช้เวลาอัดเสียง 2 ชั่วโมง เพราะต้องมีทั้งอารมณ์ในน้ำเสียง และเข้ากับจังหวะทำนอง ขณะที่มีทีมงานอยู่ในห้องอัดจำนวนมาก ทำให้เธอเขินอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อขึ้นแสดง เพลงครางชื่ออ้ายแน ก็ถูกอกถูกใจคนดู และได้รับเสียงตอบรับดีมาก ถึงขนาดไปไหน แฟนเพลงก็จะมาขอว่า "ต้าร์ ร้องเพลงอุ๊ยๆ อิ๊ๆ อ๊ะๆ ให้หน่อย" ซึ่งมันคุ้มค่ากับงานที่ทีมงานทุกคนตั้งใจผลิตขึ้นมา แต่เมื่อปล่อยเพลงนี้ในโลกออนไลน์ กลับถูกวิจารณ์ในแง่ลบว่าเป็นความลามกอนาจาร เธอยอมรับว่ารู้สึกเสียใจ แต่อยากให้คนฟังเปิดใจ มองว่าเป็นเรื่องของความบันเทิงมากกว่า



ครางชื่ออ้ายแน

เธอเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้าที่จะมาเป็นนักร้องค่ายท็อปไลน์ มิวสิค เธอเป็นหมอลำซ่ิงมา 11 ปี สืบทอดมาจากรุ่นพ่อแม่ ลำซิ่งจะมีหมอลำ 2 คนเป็นผู้ชายและผู้หญิง ร้องกลอนลำจีบกัน หยอกล้อ หรือแซวกันด้วยมุกทะลึ่งทะเล้น มีความสองแง่สองง่าม และมีมุกตลกเกี่ยวกับเรื่องเพศ หรือแม้กระทั้งการแสดงปิดท้ายที่เรียกว่า 'สอย' ก็จะมีเนื้อหาในลักษณะนี้เช่นกัน ซึ่งมีมาตั้งแต่เธอจำความได้ และหน้าที่ของศิลปินก็ต้องเอาคนดูให้อยู่ เล่นให้เต็มที่ในช่วงที่คนดูกำลังสนุกสนาน ซึ่งคนอีสานก็จะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ แต่คนภาคอื่นอาจจะยังไม่ยอมรับมากนัก

"อย่าไปมองมันลึกขนาดนั้นเลย มันเป็นแค่เนื้อเพลง เนื้อเพลงๆ นึง มันไม่สามารถทำให้คนอื่นอยากมีเพศสัมพันธ์ขนาดนั้น...การพูดเรื่องเพศบนเวทีหมอลำซิ่งมีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร อยากให้มองไปถึงความบันเทิงความสนุกสนาน"


ภาสกร อินทุมาร.jpg

ดร. ภาสกร อินทุมาร อาจารย์คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุถึงมุมมองที่มีต่อเพลงนี้ว่า เมื่อฟังแล้วรู้สึกสนุก ตลก แต่ในส่วนของเนื้อหาอาจจะไม่ได้ตลกซะทีเดียว ซึ่งในส่วนของมิวสิกวิดีโอในซีนสุดท้ายที่มีดราม่า เนื่องจากมีเสียงคราง รู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรอย่างที่ถูกวิจารณ์ แต่กลับมองว่า ตลก น่ารัก และสนุกด้วยซ้ำ

สำหรับเพลง ‘ครางชื่อ้ายแน’ อาจารย์ภาสกร มองว่า เพลงนี้ไม่ได้มีส่วนไหนที่ผิดพลาด แต่คิดว่าเป็นที่สังคมกลุ่มหนึ่งที่ดัดจริต เป็นกลุ่มคนที่เปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ความดี คุณธรรม จริยธรรม เวลามีประเด็นอะไรพวกนี้ออกมาก็จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ แต่หากย้อนไปดูถึงศิลปะพื้นบ้าน เพลงพื้นบ้านในอดีต เช่น เพลงฉ่อย อีแซว หรือหมอลำซิ่ง ก็ยังมีเนื้อหาที่ทะลึ่ง ยิ่งเวลาแสดงสดก็จะพูดถึงเรื่องใต้สะดือเสมอ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้หยาบคาย เพราะเป็นศิลปะของการเล่าเรื่อง

สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์หลายคนมองว่าการสื่อสารในเพลงนี้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างไม่มีชั้นเชิง อาจารย์ภาสกรถามกลับว่า การนำเสนออย่างมีชั้นเชิงคืออะไร หากหมายถึงการใช้สัญลักษณ์ หรือบทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทย นั่นเป็นเรื่องของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีชั้นเชิงในวรรณกรรม วรรณคดี ที่ใช้สัญลักษณ์แทนความหมาย ซึ่งสื่อถึงความสามารถของศิลปิน แต่ในเพลงนี้อาจจะไม่มีชั้นเชิงมากนัก แปลว่านักร้อง หรือคนแต่งเพลง อาจจะไม่มีความซับซ้อน เพราะต้องการสื่อสารแบบตรงไปตรงมา ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาอยู่แล้ว ส่วนตัวมองว่า ความซับซ้อนหรือการมีชั้นเชิง มันดีกว่าความตรงไปตรงมาอย่างไร เพราะเรื่องความทะลึ่ง หรือการพูดเรื่องใต้สะดือมันมีมานานแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีชั้นเชิงในการสื่อสาร

ในขณะที่เรื่องเพศ มองว่าควรจะเป็นเรื่องที่พูดได้ในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือสื่อ และชีวิตประจำวัน เพราะการมีเพศสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ทำไมการนำเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะกลับเป็นเรื่องที่ผิด เพราะปัญหาของการไม่พูดเรื่องเพศในที่สาธารณะ นำไปสู่ความไม่รู้ ซึ่งเป็นปัญหามานานแล้วนำมาสู่การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน และการตั้งครรภ์ ส่วนตัว คิดว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ต้องมาแบ่งปันกันเพื่อเป็นความรู้ เช่นเดียวกับการแชร์ประสบการณ์ชีวิตในเรื่องอื่นๆ เพราะอย่างงานวิจัยก็เคยบอกว่า เซ็กส์ถือเป็นส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตคู่ แต่สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดเพราะถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล

นอกจากนี้หลายคนยังมองว่า ท่อนสุดท้ายของเพลงนี้ที่มีเสียงคราง เมื่อฟังแล้วเหมือนยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศ หรือฟังแล้วอยากมีเพศสัมพันธ์ อาจารย์ภาสกรกล่าวว่า การพูดแบบนี้ตลกมาก และอยากย้อนถามกลับไปว่า เมื่อคุณฟังเพลงนี้ หรือดูมิวสิกวิดีโอแล้วอยากมีเพศสัมพันธ์หรอ หรือเพลงนี้ มันมีส่วนไหนมากระตุ้นอารมณ์? เพลงนี้มีแต่ความสนุก และขำ