นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามข้อสั่งการ รองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา กรณี ‘ห้ามการนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก’
กระทรวงอุตสาหรรม มีมาตรการเร่งด่วน 3 ข้อ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมสั่งการแล้ว ประกอบด้วย 1. ระงับการอนุญาตนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้นำเข้าจำนวน 5 ราย เป็นการลงโทษสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลา 1 ปี 2. ผลักดันให้นำกลับซากอิเล็กทรอนิกส์กลับสู่โรงงานต้นทาง และ 3. หากนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกแล้วไปยังโรงงานที่ไม่ถูกต้องตามใบอนุญาต ให้ส่งกลับไปยังโรงงานที่ได้รับใบอนุญาต
โดยกำชับเรื่องกระบวนการขนส่งให้เป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานของกรมโดยการใช้ระบบ GPS พร้อมทั้งให้ทางบริษัทจัดส่งบันทึกเส้นทางการเดินรถตั้งแต่ต้นทางจนถึงบริษัทผู้นำเข้าเพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งระหว่างทางขนส่งอย่างเข้มงวด
นอกจากนั้น นโยบายและข้อสั่งการ ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการอย่างเร่งด่วน กรณี ‘ห้ามการนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก’ ซึ่งกระทรวงจะดำเนินการสั่งการตามพ.ร.บ.โรงงาน
มาตรา 32 วรรค 2 โดยกำหนดห้ามใช้วัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความมั่นคง ความปลอดภัยของประเทศหรือสาธารณชน
ทั้งนี้ กรณี ‘ห้ามการนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก’ มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง กระทรวงจึงจะประสานดำเนินการตามข้อสั่งการต่อไป
โดยในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำชับให้กำกับดูแล และสั่งการ เฉียบขาดกับผู้ประกอบการที่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ระงับและหยุดประกอบกิจการหากตรวจพบกระทำผิด และบังคับใช้กฎหมายกับโรงงานและสถานประกอบการที่ไม่ได้มาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี
ดังนั้น หากมีผู้ใดอ้างตัวว่าสามารถคุ้มครอง หรือเรียกรับทรัพย์ เพื่อจะมาช่วยเหลือดำเนินการให้พ้นความผิด ขอให้แจ้งกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อที่จะดำเนินการตามกฎหมาย หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็จะดำเนินการอย่างเฉียบขาด ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการนำเข้าของเสีย การประกอบกิจการโดยมิได้รับอนุญาต และจะติดตามขยายผลเพื่อกำจัดขบวนการนี้ให้สิ้นซาก