ไม่พบผลการค้นหา
ผู้นำเขมรแดง 2 คน ถูกศาลพิเศษของยูเอ็น ตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการตัดสินอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในช่วงเขมรแดง

ศาลพิเศษเพื่อพิจารณาคดีเขมรแดงของกัมพูชา หรือ ECCC ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ พิพากษาจำคุกตลอดชีวิตนายนวน เจีย วัย 92 ปี อดีตผู้นำเขมรแดงอันดับ 2 รองจากนายพล พต และนายเขียว สัมพัน อดีตประมุขของประเทศในช่วงเขมรแดงวัย 87 ปี ในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานบังคับแต่งงาน ข่มขืน และกดขี่ทางศาสนา

สองแกนนำคนสำคัญของรัฐบาลเขมรแดงได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งเป็นโทษสูงสุดของกัมพูชาได้แล้ว จากความผิดฐานกระทำอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ แต่คำพิพากษาตัดสินโทษข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ถือเป็นครั้งแรกที่มีการรับรองอย่างทางการว่าเขมรแดงกระทำความผิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตามคำนิยามของกฎหมายระหว่างประเทศ โดยนายนวน เจีย มีความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวจามมุสลิมและชาวกัมพูชาเชื้อสายเวียดนาม ส่วนนายเขียว สัมพัน มีความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเวียดนาม

เขมรแดงคืออะไร?

เขมรแดงเป็นขบวนการเคลื่อนไหวลิทธิเหมา ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มชนชั้นนำที่ได้รับการศึกษามาจากฝรั่งเศส โดยนายพล พต ผู้นำเขมรแดงอันดับ 1 และนายนวน เจีย ผู้นำเขมรแดงอันดับ 2 มีความคิดจะปฏิวัติประเทศให้เป็นในระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์แบบสุดโต่ง

ในวันที่ 17 เมษายน 1975 เขมรแดงเข้าบุกยึดพนมเปญ ประกาศศักราชที่ 0 นับหนึ่งใหม่ “รีเซ็ตประเทศ” ด้วยการยึดทรัพย์สินส่วนบุคคลเป็นของรัฐ และทำการจัดการเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมชนชั้นเกษตรกรรมเต็มขั้น ส่งคนไปทำนาทำไร่ สังหารพวกผู้ดีและชนชั้นกลางโดยเชื่อว่าพวกเขาเหล่านี้เอารัดเอาเปรียบทางเศรษฐกิจ ไม่เว้นแม้กระทั่ง ครู ปัญญาชน หรือคนสวมแว่นที่ดูเป็นคนที่เหนือกว่าประชาชนทั่วไปด้วย

หลังจากตัดสัมพันธ์กับเวียดนาม จนเวียดนามได้ส่งกองกำลังขนาดใหญ่บุกกัมพูชาในปี 1979 กองทัพเวียดนามได้ชัยชนะจนยุคเขมรแดงล่มสลาย พวกเขมรแดงออกไปจนไปตั้งหลักอยู่บริเวณติดกับชายแดนไทย ใกล้ๆ ตราดและอุบลราชธานี จนกระทั่งกลายเป็นกลุ่มกองโจร นายพล พต ต้องหนีไปกบดาน จนกระทั่งถูกจับกุมในปี 1997 และเสียชีวิตระหว่างการถูกคุมขังในบ้านพักของตัวเองในปี 1998 ส่วนผู้นำเขมรแดงคนอื่นๆ ถูกดำเนินคดีโดย ECCC

พล พต เขมรแดง

พล พต ผู้นำเขมรแดงระหว่างการถูกคุมขังที่บ้านพัก

ยอดตายในช่วงเขมรแดง

ช่วง 1975 - 1979 ที่รัฐบาลเขมรแดงปกครองกัมพูชากลับเป็นช่วงที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นระบอบการปกครองที่กดขี่และนองเลือดที่สุดในศตวรรษที่ 20 คาดว่ามีประชาชนในกัมพูชาเสียชีวิตไปประมาณ 1 ล้าน 7 แสนคน หรือ 1 ใน 4 ของประเทศ ทั้งจากการประหารชีวิต ความอดอยาก รวมถึงป่วยตายจากการขาดแคลนแพทย์และยารักษาโรค

นอกเหนือจากชาวกัมพูชาแล้ว ในจำนวนผู้เสียชีวิตยังมีชาวจีน ชาวจาม และคนเชื้อสายเวียดนามอีกจำนวนมาก โดยหนังสือ The Pol Pot Regime ประเมินว่า ช่วงเขมรแดงรุ่งเรืองมีชาวจามเสียชีวิตประมาณ 90,000 ราย และมีชาวเวียดนามเสียชีวิตประมาณ 20,000 ราย

ทำไมคำพิพากษาข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จึงมีความสำคัญ?

ที่ผ่านมา การสังหารหมู่ช่วงเขมรแดงรุ่งเรืองมักถูกมองว่าเป็นอาชญากรรมที่เขมรแดงกระทำต่อชาวกัมพูชาด้วยกันเอง จนอาจเรียกได้ว่าเป็น "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชา" แต่นักวิชาการและผู้สื่อข่าวกลับถกเถียงกันว่าสัดส่วนชาวกัมพูชาที่เสียชีวิตในช่วงนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่

ขณะเดียวกันก็มีการถกเถียงว่าการกวาดล้างชาวจามมุสลิมและกลุ่มชาติพันธุ์เวียดนามหลายแสนคนด้วยการสังหารและขับไล่ออกจากพื้นที่อาจเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่นักวิชาการหลายคน รวมถึงนายฟิลิป ชอร์ต ผู้เขียนชีวประวัตินายพล พต ปฏิเสธว่าเขมรแดงไม่มีเจตนาที่จะสังหารกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้โดยเฉพาะ แม้ปี 1978 นายพล พต จะเคยกล่าวว่า "ไม่มีลูกหลาน" ชาวเวียดนามอยู่ในกัมพูชา

นอกจากจะตกเป็นเป้าของการสังหารหมู่แล้ว ชาวจามมุสลิมยังถูกห้ามไม่ให้ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา และถูกบังคับให้กินเนื้อหมูอีกด้วย

ดังนั้น คำพิพากษาของ ECCC จึงเป็นการยุติการถกเถียง และรับรองว่าการกระทำของเขมรแดงตรงกับนิยาม ซึ่งระบุไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษความผิดอาญาฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ กล่าวคือ "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" คือการกระทำที่มีเจตนาทำลายกลุ่มสัญชาติ เชื้อชาติ หรือศาสนาใดกลุ่มหนึ่งให้หายไปทั้งหมดหรือบางส่วน และทำให้ผู้รอดชีวิตจากยุคเขมรแดงรู้สึกว่า พวกเขาได้รับความยุติธรรมแล้ว

ผู้นำเขมรแดง เอียง ธีริธ นวน เจีย เขียม สัมพัน เอียง ซารี

นักเรียนถือภาพผู้นำเขมรแดง (จากซ้ายไปขวา) เอียง ธีริธ, นวน เจีย, เขียว สัมพัน, และเอียง ซารี

ความยุติธรรมคุ้มค่าแค่ไหน?

ศาลพิเศษเพื่อพิจารณาคดีเขมรแดงของกัมพูชา หรือ ECCC ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2006 โดยได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ โดยช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ECCC ตัดสินลงโทษผู้นำเขมรแดงไปเพียง 3 คน เนื่องจากหลายคนเสียชีวิตไปก่อนการไต่สวนจะสิ้นสุด แต่ ECCC ก็ใช้งบประมาณไปถึง 300 ล้านดอลลาร์หรือเกือบ 10,000 ล้านบาท จนถูกวิจารณ์ว่าเป็นการทวงความยุติธรรมที่แพงที่สุดกรณีหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่

ในปี 2010 นายเกียง กึ๊ก เอียว หรือสหายดุ๊ก อดีตผู้บัญชาการเรือนจำตวลเสลง ที่คุมขังและทรมานนักโทษของรัฐบาลเขมรแดง และมีการเพิ่มโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตในปี 2012 ต่อมานายเอียง ซารี จำเลยร่วมในคดีก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ก็เสียชีวิตไปก่อนที่จะมีการเปิดการไต่สวนในปี 2014 ส่วนนางเอียง ธีริธ ภรรยาของนายเอียง ซารีและอดีตรัฐมนตรีด้านกิจการสังคมในสมัยเขมรแดง ก็ถูกตัดสินว่าเธอมีสภาพจิตไม่พร้อมที่จะขึ้นให้การ และเสียชีวิตลงในปี 2015

แม้การตัดสินคดีเขมรแดงจะใช้งบประมาณมหาศาล และนำตัวคนผิดมาลงโทษได้เพียงไม่กี่คน แต่ผู้รอดชีวิตจากช่วงเขมรแดงจำนวนมากก็รู้สึกยินดีที่อย่างน้อยก็มีการสะสางคดี และบันทึกเป็นหน้าประวัติศาสตร์ว่า ผู้กระทำผิดได้รับโทษแล้ว แม้จะผ่านไปกว่า 40 ปีแล้วก็ตาม

การตัดสินคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดงอาจเป็นคำพิพากษาครั้งสุดท้ายของ ECCC แม้จะยังมีการยื่นฟ้องเอาผิดสมาชิกเขมรแดงระดับกลางอีก 4 คน แต่นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเคยพูดคัดค้านกับ ECCC เกี่ยวกับการเปิดการไต่สวนคดีใหม่ และหนึ่งในสมาชิกเขมรแดงเองก็กล่าวว่า เขาต้องหารให้ชาวกัมพูชาเดินหน้าต่อไป เพราะการดำเนินคดีต่ออาจนำไปสู่ความรุนแรง

ที่มา : BBC, The Guardian, The Washington Post, Mekong.net

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :