รายงานฉบับล่าสุดของธนาคารโลก 'จับตาเศรษฐกิจประเทศไทย' กล่าวว่าในปีพ.ศ.2561 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 4.1 ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา เนื่องมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังขยายตัวในปี พ.ศ. 2561 ขณะที่ภาคการส่งออกเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญให้กับเศรษฐกิจ และการนำเข้าสินค้าเพื่อใช้ในการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นต่างเริ่มฟื้นตัว รวมไปถึงการปฏิรูประเบียบและนโยบายต่างมีส่วนทำให้ความเชื่อใจในการลงทุนเริ่มดีขึ้น
"เศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวกว่าร้อยละ 4 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2555 โดยประเทศไทยมีศักยภาพเพิ่มขึ้นจากการปฏิรูปโครงสร้างที่เเข็งแรง และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา" อัลริช ซาโช ผู้อำนวนการธนาคารโลกประจำประเทศไทย มาเลเซีย และภูมิภาคกล่าว
"นอกจากนั้นปัจจัยด้านการศึกษา และการทักษะแรงงาน และจุดแข็งด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันโดยเฉพาะในด้านการบริการ จะเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นนวัตกรรมและนำพาประเทศไทยให้เติบโตในระยะยาว"
รายงานยังกล่าวถึงความสำคัญของนวัตกรรมที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการแข่งขันและการเติบโตในระยะยาว จากการจัดอันดับประเทศนวัตกรรมของปี 2559 ที่ผ่านมา 128 ประเทศทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอันดับอยู่ในลำดับที่ 52 ที่เป็นประเทศที่มีนโยบายด้านนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับนักลงทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศ
"ประเทศไทยไม่สามารถก้าวไปสู่ประเทศพัฒนาได้ ถ้าไม่มีการแข่งขันทางด้านนวัตกรรม" ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูลรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
ในรายงานยังชี้ให้เห็นว่า การสนับสนุนและการส่งเสริมด้านนวัตกรรมจึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกสำหรับประเทศไทย รวมไปถึงการสร้างนโยบายด้านการแข่งขันที่แข็งแกร่ง การเปิดและให้อิสระเสรีในด้านการบริการ การจัดทำยุทธศาสตร์ด้านข้อมูลแห่งชาติ และการพัฒนาปรับปรุงสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมๆกับการปฏิรูปทักษะต่างๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น การค้นคว้าวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะมีส่วนสำคัญในการนำพาประเทศไทยให้เดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ที่ตั้งเป้าหมายจะนำพาประเทศไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว
