ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่นายร่มเกล้า เอี่ยมโพธิ์ และพวกรวม 146 ราย ซึ่งเป็นผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักร ยื่นฟ้องการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ผู้ว่าฯ รฟท.และ ผอ.บริหารพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 กรณีขอให้ศาลเพิกถอนประกาศการปรับขึ้นอัตราค่าเช่าแผงค้าในตลาดนัดจตุจักร เหตุเกิดเมื่อปี 2555 โดยศาลให้เหตุผลว่า ตาม พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย 2494 ได้บัญญัติให้ รฟท.มีอำนาจที่จะกระทำการใดๆ ภายในขอบวัตถุประสงค์ที่จะนำมาซึ่งความเจริญของกิจการรถไฟ เพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการจัดหา เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ฯลฯ และดำเนินงานเกี่ยวกับทรัพย์สินใดๆ เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกิจการรถไฟและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟอันสอดคล้องกับสิทธิในทรัพย์สินของ รฟท.ที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐ ธรรมนูญ 2550 และตามหลักกฎหมายแพ่ง
ดังนั้น การที่ รฟท.มาดำเนินการกิจการตลาดนัดจตุจักร หลังไม่ต่อสัญญาให้ กทม. จึงเป็นการยกเลิกวัตถุประสงค์การจัดตลาดนัดเพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพให้กับราษฎร ตาม พ.ร.บ. บริหารราชการกรุงเทพมหานคร 2528 การบริหารตลาดนัดจตุจักรในระยะต่อมาจึงเข้าข่ายเป็นการสร้างรายได้ให้กับ รฟท. เพื่อประโยชน์ในการนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำภารกิจด้านการบริการสาธารณะเกี่ยวกับการคมนาคมขนส่งให้บรรลุผล ตามมาตรา 6 ประกอบมาตรา 9 ของ พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย 2494 รฟท.จึงมีอำนาจนำที่ดินดังกล่าวออกให้เช่า หรือดำเนินกิจการตลาดนัดจตุจักรได้ และการกำหนดอัตราค่าเช่าแผงค้าใหม่เป็นไปตามหลักอุปสงค์และอุปทานของตลาด เป็นดุลพินิจของ รฟท.ในการ กำหนดอัตราเช่าที่เห็นว่าเหมาะสมได้ ศาลปกครองสูงสุดจึงไม่เห็นด้วยที่ศาลปกครองกลางพิพากษาให้เพิกถอนประกาศของ รฟท. จึงพิพากษากลับเป็นยกฟ้อง
อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรอีก 807 คน นำโดยนายวีระพจน์ เพชรชำนาญ ก็ได้มีการยื่นฟ้องประเด็นเดียวกัน หลัง รฟท.มีประกาศปรับขึ้นค่าเช่าแผงค้าในปี 2557 ซึ่งศาลปกครองกลางก็ได้มีคำพิพากษาในวันนี้ให้เพิกถอนประกาศ รฟท. ที่ จต. 159/2557 ลงวันที่ 20 ก.พ.57 ที่กำหนดเงื่อนไขการต่อสัญญาเช่าว่า ผู้เช่าที่ยื่นฟ้อง รฟท.ต่อศาลปกครองและขอคุ้มครองชั่ว คราวไม่ชำระค่าเช่าตามที่ รฟท.กำหนด รฟท.ไม่รับพิจารณาการต่อสัญญาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น เพื่อตัดสิทธิการต่อสัญญาเช่าให้กับผู้ฟ้องคดีทั้งหมด โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 20 ก.พ.57 ส่วนคำขออื่นให้ยกฟ้อง
โดยศาลเห็นว่า รฟท.มีอำนาจในการจัดหาประโยชน์ในสินทรัพย์ของตนเอง รวมถึงดำเนินธุรกิจอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อ รฟท.ได้ เมื่อการจัดหารายได้ตลาดนัดจตุจักร เป็นการสร้างรายได้ให้แก่ รฟท. ตาม พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย 2494 รฟท.จึงมีอำนาจในการบริหารกิจการตลาดนัดจตุจักรตามนัยคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.529/2560 ที่ได้วินิจฉัยไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า รฟท.มีอำนาจบริหารกิจการตลาด แต่การที่ รฟท.กำหนดเงื่อนไขว่าผู้เช่าแผงค้าที่ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองและไม่ได้รับการพิจารณาต่อสัญญาจนกว่าคดีจะถึงที่สุดนั้น เป็นการกำหนดเงื่อนไขสัญญาเช่าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองจึงต้องพิพากษาให้เพิกถอนเงื่อนไขดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองกลาง) ได้มีคําพิพากษาเพิกถอนประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ จต. 245/2555 ลว 2 มี.ค. 2555 โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ออกประกาศฉบับดังกล่าว เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีอำนาจและหน้าที่ในการดำเนินกิจการด้านการขนส่งทางรถไฟ เพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน รวมถึงการดำเนินธุรกิจอันเกี่ยวเนื่องกับการขนส่งรถไฟ และธุรกิจอื่น ซึ่งเป็นประโยชน์แก่กิจการรถไฟ ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าเดิมกรุงเทพมหานครได้ติดต่อขอใช้พื้นที่ย่านพหลโยธินของผู้ถูกฟ้องที่ 1 เนื้อที่ 68 ไร่ 95 ตารางวา เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการตลาดในชื่อ "ตลาดนัดจตุจักร" โดยการจัดให้ผู้ค้าต่างๆ ซึ่งรวมถึงผู้ฟ้องคดีในคดีนี้ประกอบกิจการค้าในที่ดินดังกล่าวในวันเสาร์และวันอาทิตย์
โดยผู้ถูกฟ้องที่ 1 ได้มีประกาศกำหนดให้ผู้ค้าแผงค้ากึ่งถาวร 27 โครงการ และแผงค้าไก่ชนเดิมในพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรไปลงนามสัญญาเช่า และชำระค่าเช่าในอัตราเดือนละ 3,157 บาท ค่าภาษีโรงเรือนเดือนลา 395 บาท และชำระค่าบัตรชำระเงินธนาคารเป็นเงิน 10 บาท มีกำหนดอายุสัญญาเช่า 2 ปี ภายในวันที่ 13 มี.ค. 2555 กรณีนี้จึงเห็นได้ว่า การดำเนินกิจการดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มิใช่ดำเนินกิจการด้านการขนส่งทางรถไฟเพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน รวมถึงการดำเนินธุรกิจอันเกี่ยวเนื่องกับการขนส่งรถไฟ และธุรกิจอื่นซึ่งเป็นประโยชน์แก่กิจการรถไฟ ตามนัยมาตรา 6 และมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 ดังนั้นการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษาเพิกถอนประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ จต. 245/2555 ลว. 2 มี.ค. 2555 โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ออกประกาศฉบับดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังฟังคำพิพากษา ตัวแทนผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร ยังยืนยันว่าจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด โดยทางทนายความผู้รับมอบอำนาจ กล่าวว่า คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด การอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดจะยื่นใน 2 ประเด็น คือ 1.กฎหมายไม่ ให้อำนาจ รฟท.ในการทำตลาด 2.วัตถุประสงค์ใน การเวนคืนที่ดินตลาดนัดจตุจักรเมื่อปี 2520 ก็เพื่อใช้ในกิจการรถไฟ และมีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาปี 2524 ว่าการรถไฟฯ ไม่สามารถนำที่ดินดังกล่าวไปทำกิจการอื่น นอกเหนือจากทำกิจการรถไฟ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง