ไม่พบผลการค้นหา
รมว.แรงงาน กำชับแรงงานต่างด้าวเร่งพิสูจน์สัญชาติ จัดทำทะเบียนประวัติและขออนุญาตทำงาน ให้ทันภายใน 30 มิ.ย.นี้ ย้ำไม่ขยายเวลา หากพ้นกำหนดจะมีความผิดทั้งนายจ้างและแรงงานต่างด้าว

นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งกำชับให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างรีบพาแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมาไปพิสูจน์สัญชาติ และจัดทำ/ปรับปรุงทะเบียนประวัติ ระยะที่ 2 ณ ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ One Stop Service ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 23 วัน ที่จะต้องปิดศูนย์ภายในวันที่ 30 มิ.ย. นี้

จึงขอย้ำให้เร่งดำเนินการตามกำหนดเวลาดังกล่าวอย่ารีรอจนถึงวันสุดท้าย เพราะอาจไม่ทันเวลา ทั้งยังอาจไม่ได้รับความสะดวก และขอเน้นย้ำชัดเจนว่ารัฐบาลจะไม่มีการขยายเวลาออกไปอีกอย่างแน่นอน 

โดยขณะนี้คงเหลือแรงงาน 3 สัญชาติที่ต้องพิสูจน์สัญชาติจำนวน 37,414 คน เป็นกัมพูชา 30,122 คน ลาว 6,452 คน เมียนมา 840 คน จากยอดที่ต้องดำเนินการทั้งสิ้น 134,491 คน เป็นกัมพูชา 104,457 คน ลาว 12,327 คน เมียนมา 17,707 คน ส่วนแรงงานคงเหลือที่ต้องเข้าศูนย์ OSS มีจำนวน 93,657 คน เป็นกัมพูชา 61,295 คน ลาว 10,205 คน เมียนมา 22,157 คน จากจำนวนที่ต้องเข้าศูนย์ OSS 360,222 คน 

อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า หากพ้นกำหนด 30 มิ.ย. นี้ แรงงานต่างด้าวจะไม่สามารถอยู่และทำงานต่อไปได้ ซึ่งกรมการจัดหางานจะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวอย่างต่อเนื่อง หากพบคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ จะมีโทษปรับ 5,000 – 50,000 บาท และเมื่อชำระค่าปรับแล้ว คนต่างด้าวจะถูกส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และห้ามขออนุญาตทำงานภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับโทษ

ขณะเดียวกัน นายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ จะมีโทษปรับ 10,000-100,000 บาทต่อแรงงานต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี ตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง