ไม่พบผลการค้นหา
สื่อหลายสำนักรายงานว่าชาวต่างชาติผิวสีถูกทางการไทยพุ่งเป้ากวาดล้างช่วงต้นเดือน ต.ค. แต่ไทยยืนยันผู้ถูกจับ 'ทำผิด กม.' ไม่ได้เลือกปฏิบัติเพราะสีผิว ขณะที่องค์กรสิทธิฯ ห่วงชาวต่างชาติรอสถานะผู้ลี้ภัยถูกจับไปด้วย

เว็บไซต์สเตรทไทม์สและแชนแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่าตำรวจไทยและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ร่วมมือกันกวาดล้างและจับกุมเครือข่ายชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมถึงเครือข่ายอาชญากรที่กระทำผิดในข้อหลอกลวงผู้อื่น ช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา และมีผู้ถูกควบคุมตัวมากกว่า 1,000 คน

อย่างไรก็ตาม สเตรทไทม์สได้เผยแพร่ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า การตรวจสอบและจับกุมในครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่กลุ่มชาวต่างชาติผิวสีเข้มเป็นหลัก โดยอ้างอิงปฏิบัติการตรวจค้นที่ซอยนานาในกรุงเทพฯ เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค. ซึ่งเจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นและตรวจสอบหาสารเสพติดในกลุ่มชาวต่างชาติผิวดำก่อนกลุ่มอื่นๆ และในบรรดาผู้ถูกจับกุมมากกว่าครึ่งเป็นคนผิวดำ มีเพียงชายผิวขาวชาวฝรั่งเศสเพียงคนเดียวที่ถูกจับกุม เพราะมีกัญชาในครอบครอง

ขณะที่แชนแนลนิวส์เอเชียรายงานอ้างอิงสำนักข่าวเอเอฟพี ที่ระบุว่า ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 10 ล้านคนเดินทางมายังประเทศไทย แต่การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวดทำให้ชาวต่างชาติจำนวนมากพำนักอยู่ในไทยจนหมดวีซ่า รวมถึงกลุ่มอาชญากรต่างชาติที่ต้องการใช้ไทยเป็นแหล่งกบดานหรือแหล่งประกอบอาชญากรรม

ส่วนองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน 'Fortify Right' ยังระบุด้วยว่า ผู้ถูกกวาดล้างและจับกุมจากปฏิบัติการนี้ยังรวมถึงชาวต่างชาติที่กำลังรอผลการยื่นคำร้องขอสถานะผู้ลี้ภัยจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) รวมถึงผู้ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยที่กำลังรอการส่งตัวไปประเทศที่ 3 โดยผู้ถูกจับกุมเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชาวปากีสถาน โซมาเลีย และซีเรีย คาดว่ามีผู้ใหญ่ประมาณ 100 คน และเด็ก 30 คน

 AFP-ตำรวจ-ตรวจค้น-จับกุม-นานา-พัฒน์พงษ์-รวบชาวต่างชาติ-เบียร์ช้าง-ย่านกลางคืน

ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) ยืนยันว่าปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมชาวต่างชาติในครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติเนื่องจากสีผิว แต่ที่พุ่งเป้าจับกุมชาวต่างชาติจากประเทศแถบแอฟริกา ซึ่งส่วนใหญ่มีผิวดำ เพราะมีเครือข่ายชาวไนจีเรียก่อเหตุหลอกลวงเงินจากผู้หญิงหลายรายผ่านการสนทนาทางสื่อสังคมออนไลน์ 

คดีที่ชาวต่างชาติหลอกลวงผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อสานสัมพันธ์และหลอกเรียกทรัพย์สิน ถูกเรียกว่า Romance Scam หรือ 'คดีแสร้งรักออนไลน์' รวมถึงเครือข่ายผลิตและปลอมบัตรเครดิต ซึ่งมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงประเทศไทย 

จากการตรวจสอบของ สตม. พบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเครือข่ายเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติจากประเทศแถบแอฟริกา แต่ขณะเดียวกันก็มีคนไทยสมรู้ร่วมคิดอยู่ในขบวนการ คอยอำนวยความสะดวกด้านการเปิดบัญชีและทำธุรกรรมทางการเงินให้กับอาชญากรเหล่านี้

 AFP-ตำรวจ-ตรวจค้น-จับกุม-นานา-พัฒน์พงษ์-รวบชาวต่างชาติ-เบียร์ช้าง-อาชญากรรม

ส่วนข้อมูลยืนยันจากเว็บไซต์ สตม. ระบุว่ามีการตรวจสอบและจับกุมชาวต่างชาติทั้งหมด 700 ราย โดยผู้ถูกจับกุมในข้อหา overstay หรือ “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” จำนวน 104 ราย (สัญชาติอินเดีย 31 ราย, เมียนมา 23 ราย, กัมพูชา 20 ราย, ลาว 17 ราย, ฝรั่งเศส 4 ราย, เยอรมัน 2 ราย, รัสเซีย 2 ราย, อเมริกา 2 ราย, แคเมอรูน 2 ราย, สวีเดน 1 ราย, ปากีสถาน 1 ราย, คาซัคสถาน 1 ราย, เวียดนาม 1 ราย, จีน 1 ราย, อังกฤษ 1 ราย, ไอร์แลนด์ 1 ราย, เช็ก 1 ราย, เนเธอร์แลนด์ 1 ราย, ฟิลิปปินส์ 1 ราย, แอฟริกาใต้ 1 ราย) 

ผู้ถูกจับกุมข้อหา “เป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” จำนวน 247 ราย (สัญชาติเมียนมา 107 ราย, กัมพูชา 66 ราย, ลาว 44 ราย, ไร้สัญชาติ 20 ราย, อินเดีย 6 ราย, เวียดนาม 1 ราย)

ส่วนผู้ถูกจับกุมข้อหาอื่นๆ มีจำนวน 349 ราย (สัญชาติไทย 210 ราย, เมียนมา 61 ราย, แคเมอรูน 10 ราย, อินเดีย 9 ราย, กัมพูชา 7 ราย, ลาว 6 ราย, อเมริกา 6 ราย, ไร้สัญชาติ 4 ราย, เวียดนาม 3 ราย, กินี 3 ราย, เยอรมัน 2 ราย, เบลเยียม 1 ราย, เกาหลีใต้ 1 ราย, ญี่ปุ่น 1 ราย, สิงคโปร์ 1 ราย, ลัตเวีย 1 ราย, คาซัคสถาน 1 ราย, ออสเตรเลีย 1 ราย, มาเลเซีย 1 ราย, ฝรั่งเศส 1 ราย, เดนมาร์ก 1 ราย, สวีเดน 1 ราย, จีน 1 ราย)

โดยข้อหาที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (1) เป็นผู้ครอบครองเคหสถาน รับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเข้าพักอาศัย แล้วไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงาน ภายใน 24 ชั่วโมง จำนวน 140 ราย (2) เป็นคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ไม่พักอาศัย ณ ที่ที่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำนวน 46 ราย (3) ข้อหาตาม พรก.การทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 37 ราย และ (4) ข้อหาอื่นๆ จำนวน 126 ราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: