ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำสำนักประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวปฏิเสธกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ (5 ก.ค.) ต่อกระแสการรายงานข่าวถึงบทสนทนาของประธานาธิบดีจีน ที่เตือนต่อประธานาธิบดีรัสเซีย ให้ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามยูเครนว่า “ไม่ ผมไม่สามารถยืนยันได้” โดยกระแสข่าวเกิดขึ้นจากรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ The Financial Times ที่ระบุว่า สีได้ระบุถึงเรื่องดังกล่าว เมื่อเขาไปเยือนกรุงมอสโกในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
เปสคอฟกล่าวว่าทั้งจีนและรัสเซียได้ออกแถลงการณ์ในเวลานั้น เกี่ยวกับเนื้อหาของการพูดคุย โดยเปสคอฟระบุว่ารายงานข่าวอื่นๆ ทั้งหมด นอกเหนือจากรายละเอียดอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับการเยือนกรุงมอสโกของประธานาธิบดีสี เป็นเพียงแค่ "นิยาย" เท่านั้น
นับตั้งแต่สงครานยูเครนปะทุขึ้นเมื่อเดือน ก.พ. 2565 สีได้ให้การสนับสนุนแก่ปูติน และระบุว่าประธานาธิบดีรัสเซียเป็น “เพื่อนรัก” ของเขาอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ในขณะเดียวกัน จีนยังได้ช่วยประคับประคองเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรของรัสเซียด้วย จากการนำเข้าพลังงานที่ผลิตโดยรัสเซียอย่างมหาศาล นับตั้งแต่ชาติตะวันตกประกาศการคว่ำบาตรรัสเซีย
นอกจากนี้ จีนยังแสดงท่าทีต่อต้านในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครนอยู่หลายครั้ง โดยในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว สีระบุกับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ว่าประชาคมระหว่างประเทศควรต่อต้านภัยคุกคาม หรือการใช้อาวุธอันตรายดังกล่าว และ "ป้องกันวิกฤตนิวเคลียร์ในยูเรเซีย" ที่อาจเกิดขึ้นได้
ยังมีรายงานอีกว่า สีได้เตือนปูตินถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่ประธานาธิบดีจีนเดินทางไปเยือนกรุงมอสโก ซึ่งนับว่าเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรก หลังจากสีขึ้นรับประธานาธิบดีวาระที่ 3 ซึ่งบ่งชี้ว่าจีนกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สงครามในยูเครนจะบานปลายยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ ทางการจีนได้เสนอแผนสันติภาพ 12 ประการ โดยจีนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการก่อให้เกิดความลุกลามต่อภัยนิวเคลียร์ แต่จีนย้ำอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าพวกเขาไม่ได้แนะนำให้รัสเซียถอนกำลังออกจากยูเครน อย่างไรก็ดี พันธมิตรชาติตะวันตกของยูเครนบางชาติไม่เชื่อในท่าทีของการป้องปรามจากจีน เนื่องจากประธานาธิบดีของทั้งสองชาติเคยประกาศความร่วมมือแบบ “ไม่มีขีดจำกัด” เอาไว้ก่อนหน้านี้
แม้ว่าประธานาธิบดีจีนจะไม่ได้ประกาศการสนับสนุนการรุกรานยูเครนของรัสเซียอย่างชัดเจน แต่สีปฏิเสธที่จะประณามการบุกรุกดังกล่าว และสะท้อนความคิดผ่านเหตุผลหลายประการของรัสเซียสำหรับการทำสงครามในยูเครน โดยจีนกล่าวอ้างโทษฝ่ายตะวันตกที่เป็นผู้จุดชนวนความขัดแย้ง ด้วยการจัดหาอาวุธให้ยูเครน
นับตั้งแต่การส่งกองกำลังเข้ารุกรานยูเครน ปูตินได้ออกมาขู่ว่ารัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์กับยูเครนเป็นครั้งคราว โดยประธานาธิบดีรัสเซียเตือนชาติตะวันตกเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว ว่าเขาไม่ได้พูดเกินจริง เมื่อเขากล่าวว่ารัสเซียจะใช้ “วิธีการที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อปกป้องรัสเซียและประชาชนของเรา” ซึ่งหลายฝ่ายตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนจากปูตินว่า เขาพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ทุกเมื่อ
ความกังวลที่รัสเซียอาจใช้นิวเคลียร์ในนสงครามยูเครน ยิ่งทวีคูณมากขึ้นหลังจากที่มีนักวิเคราะห์หลายคน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับประธานาธิบดีรัสเซีย ได้เรียกร้องให้ทางการรัสเซียมีการชิงโจมตีด้วยนิวเคลียร์ก่อนใส่ยุโรป
อย่างไรก็ดี เมื่อเร็วๆ นี้ ปูตินได้ลดโทนขู่ถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์ลง โดยในการประชุมที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า รัสเซีย “ไม่มีความจำเป็น” ที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ เพราะ “การดำรงอยู่ของรัฐรัสเซียไม่ได้ถูกคุกคาม” ปูตินยังกล่าวเสริมอีกว่า รัสเซียได้ส่งหัวรบทางยุทธวิธีไปยังเบลารุส ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) วิจารณ์เมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.ค.) ว่า “อันตรายและขาดความรับผิดชอบ”
ยูเครนเตือนว่ารัสเซียอาจกำลังวางแผนที่จะ "จำลองการโจมตี" ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย โดยยูเครนกล่าวอ้างว่ากองทหารรัสเซียได้วาง "วัตถุที่คล้ายกับระเบิด" ไว้บนหลังคาของอาคารต่างๆ ในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน อ้างข่าวกรองยูเครนว่า วัตถุดังกล่าววางอยู่บนหลังคาหน่วยพลังงานหลายแห่งของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่รัสเซียเข้ายึดครองอยู่
ที่มา: