ไม่พบผลการค้นหา
'ประวิตร' ไม่ตอบเคลียร์ใจ 'ประยุทธ์' โยนให้ฟัง 'วิษณุ' แจงปมนายกฯคนต่อไปกรณีนั่งนายกฯ ห้ามเกิน 8 ปี

วันที่ 3 พ.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุสั้นๆถึงประเด็นนายกฯ รักษาการ หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อาจต้องพ้นจากตำแหน่งกรณีดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในติดต่อกันเกิน 8 ปี ว่า "อาจารย์วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกแล้วนะ"

เมื่อถามว่าได้เคลียร์ใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ โดย พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ครม. ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม พล.อ.ประวิตรถึงความเห็นต่อกรณี วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาอธิบายว่าตนเป็นรายชื่อแรกของนายกฯ รักษาการ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม อาจจะต้องพ้นจากตำแหน่งกรณีดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีในอนาคต โดย พล.อ.ประวิตร นิ่งเงียบปฏิเสธที่จะตอบในประเด็นดังกล่าว ก่อนเดินขึ้นไปร่วมประชุม ครม.ทันที

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ให้สัมภาษณ์แต่ออย่างใดก่อนร่วมประชุม ครม.เพียงแค่ยักคิ้ว เมื่อถูกถามว่าสบายใจและได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร หรือยังเท่านั้น

ประยุทธ์ -823E-4D36-922D-6FCF60C52E22.jpeg

'วิษณุ' ชี้เหลือแคนดิเดตนายกฯ5 คน ถ้าใช้คนนอกไม่ใช่เรื่องง่ายต้องโหวตให้ได้ 500

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2565 วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้อธิบายว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งนายกฯ รักษาการ ลำดับที่ 1 คือ พล.อ.ประวิตร ลำดับต่อมาเป็นตนเอง เพราะตำแหน่งจะว่างเว้นว่างไม่ได้ จากนั้น ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา จะต้องจัดให้สภามีการเลือกนายกฯ คนใหม่ ภายใน 3-7 วัน โดยใช้บัญชีนายกรัฐมนตรีที่มีอยู่ ประกอบด้วย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ,อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ,ชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ,ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานค (กทม.) และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ซึ่ง 5 คนนี้คือ บัญชีสำรอง 

ส่วนการเสนอชื่อนายกฯ คนนอก เสนอจากรายชื่อที่อยู่ในบัญชีก็ได้ ซึ่ง ส.ส. 250 ต้องคนเสนอว่า ให้ล้มบัญชีที่มีและเอาบัญชีใหม่ และประธานประรัฐสภาก็เรียกประชุมรัฐสภา โดยรัฐสภาต้องมีมติ 500 เสียงจาก 750 เสียง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้เห็นชอบ เมื่อเห็นชอบก็จะมี ส.ส. 50 คน เสนอชื่อ และประชุมรัฐสภาอีกครั้ง เพื่อโหวตทั้งรัฐสภา ว่าจะเอาชื่อไหน ซึ่งกระบวนการทำได้แต่ซับซ้อน 

วิษณุยังระบุถึงคำถาม คุณหญิงสุดารัตน์ ออกจากพรรคเพื่อไทย (พท.) แล้วยังจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยได้อีกหรือไม่ว่า ไม่สำคัญ เพราะชื่อยังอยู่ในบัญชีสำรอง ส่วน ชัชชาติ ก็ออกไปแล้ว ก็ยังอยู่ในบัญชีสำรอง 

เมื่อถามว่า หากคนที่อยู่ในบัญชีนายกฯ สำรอง ต้องการเป็นนายกฯ จำเป็นต้องไปรวบรวมเสียง ส.ส.ให้มากที่สุดใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่รู้ จะรวบรวมหรือไม่รวบรวมอะไรทั้งสิ้น เพราะกระบวนการคือ ประธานรัฐสภา จะต้องเรียกประชุมรัฐสภา เพื่อกำหนดว่าถึงเวลาเสนอชื่อนายกฯ จากนั้นก็เสนอขึ้นมา โดยไม่ต้องรวบรวมเลย และคงจะมีคนลุกขึ้นมาเสนอชื่อ 2-3 คนเหมือนครั้งที่แล้ว และมีการลงมติแข่งกัน ใครคะแนนสูงสุดก็ว่ากันไป 

เมื่อถามว่า สงสัยหรือไม่ที่มีการพูดเรื่องนายกฯ สำรอง หรือเป็นเพราะมีการประเมินว่านายกฯ จะถูกพิจารณาเรื่องนายกฯ 8 ปี จนทำให้เกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้น วิษณุ กล่าวว่า ไม่สงสัย เพราะเป็นปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นเสมอ เมื่อไม่มีอะไรทำก็จะเปิดวาทกรรมทางการเมืองออกมาเพื่อให้เกิดความสับสนเล่น ในอดีตตนยังเคยรู้จักใครบางคนที่อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ทำให้สับสนเล่นโดยปล่อยคำพูดอะไรสักคำหนึ่ง และคำพูดหนึ่งนักข่าวก็พอใจที่จะตะครุบ เพราะว่าแปลกและไม่เคยได้ยิน ที่สุดท้ายก็หายไปกับสายลมแสงแดด