วันที่ 22 มี.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหมระบุถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ก็ว่าไป ตนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลได้มีการเสนอแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว ส่วนจะแก้ทั้งฉบับหรือรายมาตรา ไม่ขัดข้อง สามารถดำเนินการได้ แต่ขอให้ยึดตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตนไม่จำเป็นต้องไปสั่งใคร ทุกคนมีความคิด 

"ทำไมระแวงผมจะสืบทอดอำนาจ ก็ขอไปแก้มาสิ จะเลือกผมหรือไม่เลือกผมก็ไม่ได้ขัดข้อง ไปแก้มา แก้ให้ได้ก็แล้วกัน"

ส่วนความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “อยู่ระหว่างการจัดทำ ขออย่าทำให้เป็นเรื่อง ทุกเรื่องเป็นเรื่องของการทำงาน หากไม่ดีก็ปรับใหม่ในวันหน้า ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นวันหน้า แต่วันนี้ขอให้ทำบ้านเมืองให้สงบก่อน" ส่วนจะปรับเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลงหรือทั้งคณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า “ปรับเพียงเฉพาะตำแหน่งที่ว่างลง อย่าทำให้มันยุ่งนักเลย”

นายกฯ แจงทหารไทยส่งข้าวสารให้ทหารเมียนมาเป็นเรื่องมนุษยธรรม

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุถึงกรณีปรากฎภาพทหารไทยส่งข้าวสาร 700 กระสอบให้ทหารเมียนมา จนถูกวิจารณ์ว่าไทยสนับสนุนเหตุรัฐประหารในเมียนมา ว่า ภาพที่ออกมา จริงๆ แล้วเป็นคนละกรณีกันทั้งหมด ต้องย้อนกลับไปดูเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว พื้นที่ดังกล่าวมีฐานทหาร มีประชาชนชาวเมียนมา มาอยู่บนเส้นเขตแดน อยู่บนพื้นที่สูง จนมีการเจรจาผ่านกลไกที่มีอยู่ให้ขยับไปข้างล่างทั้งหมด ทำให้การสัญจรไปมาในฝั่งตรงข้ามเป็นไปได้ยาก ส่วนใหญ่จึงมีการเข้ามาซื้อของในฝั่งไทย แต่ตกลงกันว่าต้องไปอยู่พื้นที่ข้างล่างให้หมด ซึ่งทางฝั่งเมียนมาก็ยินยอมในตรงนี้ แต่ขอสั่งอาหารจากฝั่งไทย ซึ่งเป็นเรื่องของมนุษยธรรม และความมั่นคงตามแนวชายแดน เพราะพื้นที่เขตแดนไม่ชัดเจน และการสั่งซื้อดังกล่าวเป็นการสั่งซื้อโดยตรงจากพ่อค้าแค่นั้น อย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวต่อไป มันคนละกรณีกัน อย่ามาพาดพิง อย่ามาเกี่ยวข้องไปหมดว่าว่าเราไปสนับสนุนอะไร

ย้ำปมประท้วงในเมียนมายึดกฎบัตรอาเซียน

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายจากการประท้วงในเมียนมา ทางการเมียนมาได้มีการขอความช่วยเหลือมายังไทยหรือไม่ ว่า ไม่มี ก็เป็นเรื่องภายในของเมียนมา คงไม่ต้องมาปรึกษาเรา เพราะนี่คือกฎบัตรของอาเซียนกำหนดไว้ว่า ประเทศสมาชิกไม่ยุ่งเกี่ยวกิจการภายในซึ่งกันและกัน แต่อะไรที่เป็นความห่วงใยจากต่างประเทศก็มีการเตือนไป โดยเป็นมติของอาเซียนอยู่แล้ว ปัญหามันไม่เหมือนกัน ต้องมีกระบวนการบริหารของเค้าเอง ทำอย่างไรจะปลอดภัย ทำอย่างไรจะสงบเรียบร้อย ตนคิดว่าเมียนมาต้องการอย่างนั้นอยู่แล้ว