รายงานประจำปีของศูนย์ IMD World Competitiveness หน่วยงานวเคราะห์ด้านการแข่งขันระดับโลก ระบุว่า สหรัฐฯก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจมากที่สุดแซงหน้าฮ่องกงที่เป็นที่หนึ่งในปีที่ผ่านมา ขณะที่สิงคโปร์ตามมาอยู่ในลำดับที่ 3
ในรายงานระบุว่า สหรัฐฯกลับขึ้นมาเป็นที่ 1 อีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา โดยมีคะแนนในด้านการลงทุนจากต่างชาติ เศรษฐกิจภายในประเทศ และการลงทุนทางด้านโครงสร้างทางวิทยาศาสตร์ ขณะที่ค่าเฉลี่ยหนี้สาธารณะและราคาค่าครองชีพต่ำกว่าเกณฑ์ทั่วไป
ทั้งนี้ใน 10 อันดับแรกส่วนใหญ่เป็นประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียและยุโรป และมีสหรัฐอาหรับเอมิเรตเพียงประเทศเดียวในกลุ่มชาติอาหรับที่เข้ามาติดอันดับต้นๆของโลก
สำหรับประเทศมีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดดที่สุดที่คือ จีนและออสเตรียโดยออสเตรียก้าวขึ้นมา 7 อันดับจากอันดับที่ 25 มาอยู่ในลำดับที่18 ขณะที่จีนก้าวจากอันดับที่18 มาอยู่ในลำดับที่13
ศาสตราจารย์ อาร์ทูโร บริส ผู้อำนวยการของศูนย์ IMD World Competitiveness กล่าวว่า '"ารเติบโตทางเศรษฐกิจ แนวทางในการลดหนี้ของรัฐบาล และการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจทำให้ออสเตรียก้าวกระโดดขึ้นมา ในกรณีของจีน การลงทุนในด้านกายภาพและโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงการปรับปรุงสถาบันหรือองค์กรบางอย่าง เช่น กรอบกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆจะช่วยให้จีนสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้มากขึ้น จะช่วยกระตุ้นศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น'"
ขณะที่ประเทศไทยอันดับลดลงจาก 27 ในปี 2017 ไปอยู่ในอันดับที่ 30 ในปีนี้ รวมไปถึงไต้หวันและอินโดนีเซียที่มีอันดับการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ลดลงเช่นกัน
สำหรับกลุ่มประเทศอาเซียน 'ฟิลิปปินส์' เป็นประเทศที่อันดับลดลงมากที่สุดไปอยู่ในลำดับที่ 50 โดยมีสาเหตุมาจากการหดตัวลงของภาคการท่องเที่ยวและการจ้างงานที่ลดลง รวมไปถึงความกังวลในเรื่องการคลังสาธารณะและความกังวลเรื่องระบบการศึกษาภายในประเทศ
Photo by Raúl Nájera on Unsplash