ไม่พบผลการค้นหา
เจ้าหน้าที่ในกรุงลอนดอนพบก้อนไขมันขนาดยักษ์อุดตันท่อใต้ดินเมื่อปีที่แล้ว น้ำหนักรวมกว่า 130 ตัน เทียบเท่าเครื่องบินแอร์บัส 2 ลำ และพิพิธภัณฑ์ลอนดอนจะนำบางส่วนของก้อนไขมันมาแสดง เพื่อสะท้อนภาพสังคมเมืองในปัจจุบัน

เว็บไซต์มิวเซียมออฟลอนดอนของอังกฤษ ระบุว่าการแสดงนิทรรศการ Fatberg หรือ 'ภูเขาไขมัน' จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ - 1 กรกฎาคม 2561 ที่พิพิธภัณฑ์แห่งลอนดอน ภายใต้หัวข้อ City Now City Future ทั้งยังไม่ต้องเสียค่าเข้าชม เพราะพิพิธภัณฑ์ต้องการสะท้อนให้ผู้เข้าชมนิทรรศการได้เห็นผลพวงจากความเป็นเมืองและการใช้ชีวิตของคนเมือง เนื่องจากภูเขาไขมันเป็นของเสียที่เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันของคนในสังคมซึ่งมีการบริโภคเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน

ภูเขาไขมันถูกพบในท่อระบายน้ำใต้ดินย่านไวท์ชาเปลของกรุงลอนดอนเมื่อเดือนกันยายน 2560 และสื่อมวลชนรายงานว่ามันคือก้อนไขมันอุดตันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะมีความยาวกว่า 250 เมตร และน้ำหนักรวมกว่า 130 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำหนักของเครื่องบินแอร์บัส 2 ลำ และการทำความสะอาดท่อต้องใช้เวลานาน 3 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่ต้องใช้พลั่วและท่อดูดขนาดใหญ่ลำเลียงก้อนไขมันและน้ำปนเปื้อนจากท่อใต้ดิน ทั้งยังต้องระวังอันตรายจากเชื้อโรคต่างๆ เนื่องจากก้อนไขมันรวมตัวกับกระดาษชำระและขยะอื่นๆ ที่ไม่ปลอดภัยทางด้านชีวภาพ เช่น เข็มฉีดยา หลอดไฟแตก รวมถึงถุงยางอนามัย ทำให้เกิดสภาพเน่าเหม็น

แม้ว่าในปี 2556 จะพบก้อนไขมันอุดตันในท่อระบายน้ำของกรุงลอนดอนมาก่อน แต่ภูเขาไขมันที่พบเมื่อปีที่แล้วมีขนาดใหญ่กว่านั้นประมาณ 10 เท่า

ด้านชารอน โรบินสัน-คาลเวอร์ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์และจัดเก็บผลงานแห่งพิพิธภัณฑ์ลอนดอน ยืนยันว่าชิ้นส่วนของภูเขาไขมันที่นำมาจัดแสดงจะถูกเก็บรักษาในพื้นที่ควบคุม ทั้งยังมีการตรวจสอบและจำแนกองค์ประกอบของก้อนไขมันดังกล่าวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่เป็นอันตรายต่อผู้ชมนิทรรศการ

MuseumOfLondon.JPG

โรบินสันยังได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเพิ่มเติมด้วยว่า คนจำนวนมากคงสงสัยว่าทำไมพิพิธภัณฑ์ลอนดอนถึงได้นำก้อนขยะที่เหมือนจะมีพิษมาจัดแสดง แต่ผู้ที่ได้เห็นนิทรรศการครั้งนี้จะเข้าใจได้ทันทีว่าปัญหาที่ลอนดอนกำลังเผชิญอยู่นั้นร้ายแรงเพียงใด 

"นี่เป็นเรื่องราวของกรุงลอนดอนที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่า "เรากำลังทำอะไรกับเมืองแห่งนี้" ไม่ว่าจะเป็นจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น หรืออาหารการกินของคนอังกฤษในปัจจุบันที่ดูจะเปลี่ยนแปลงไปมาก เห็นได้จากอาหารต่างๆ มีไขมัน น้ำมัน และความมันอื่นๆ ปนอยู่ และไขมันเหล่านั้นก็ถูกเททิ้งให้ไปรวมตัวกันในท่อระบายน้ำ ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบโครงสร้างของเมืองที่มีอายุเก่าแก่มากแล้ว"

ก่อนหน้านี้เว็บไซต์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่าบริษัทเทมส์วอเทอร์ ผู้รับผิดชอบดูแลระบบท่อระบายน้ำในกรุงลอนดอน เป็นผู้พบก้อนไขมันในท่อใต้ดิน โดยยอมรับว่าการก่อตัวของไขมันขนาดใหญ่ในท่อระบายน้ำไม่ใช่สิ่งที่ป้องกันได้ง่ายนัก เพราะก้อนไขมันจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทุกชั่วโมง และการทำความสะอาดท่อในครั้งนั้นใช้งบประมาณสูงถึง 1 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 48 ล้านบาท 

แมทท์ ริมเมอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายระบบระบายน้ำของเทมส์วอเทอร์ ระบุว่าเจ้าหน้าที่แยกขยะจากภูเขาไขมันไปกำจัดตามวิธีการมาตรฐาน แต่ไขมันจะถูกนำไปรีไซเคิลเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ และบางส่วนถูกนำไปตรวจสอบก่อนจะนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ลอนดอน 

เดอะการ์เดียนรายงานว่าจำนวนประชากรในกรุงลอนดอนเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่ระบบระบายน้ำซึ่งเป็นท่อใต้ดินถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1800 ทำให้ระบบเก่าแก่ไม่สามารถรองรับปริมาณขยะมหาศาลได้อย่างเพียงพอ ขณะที่พฤติกรรมของคนเมืองจำนวนมากมักจะทิ้งน้ำมันจากการทำอาหารและเศษอาหารต่างๆ ลงในท่อน้ำทิ้ง กลายเป็นภูเขาไขมันขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงเตือนประชาชนให้ทิ้งไขมันเหลือใช้ รวมถึงขยะที่มีคราบมันต่างๆ ลงในถังขยะแทนที่จะเททิ้งลงท่อ เพราะปัญหาไขมันอุดตันไม่อาจแก้ไขได้โดยหน่วยงานรัฐหรือเอกชนเพียงลำพัง แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้บริโภคในสังคมให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย

20161106190510.JPG