ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พ.รบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 หรืองบฯ กลางปี วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.เป็นต้นไป สำหรับ พ.ร.บ.งบกลางปี 2561 กำหนดให้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมงบกลางในความควบคุมของสำนักงบประมาณ ตั้งเป็นจำนวน 4.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชน
สำหรับงบประมาณที่ตั้งให้กระทรวงสำคัญ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด จำนวน 3.18 หมื่นล้านบาท โดยสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยได้รับงบฯในแผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาศักยภาพชุมชน จำนวน 2 หมื่นล้านบาท กรมการปกครองได้รับงบ 2.5 พันล้านบาท และกรมการพัฒนาชุมชน ได้รับงบฯในแผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาศักยภาพชุมชน จำนวน 9.3 พันล้านบาท
ขณะที่กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน ได้รับจำนวน 3.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ จำนวน 20 ล้านบาท กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 1.38 หมื่นล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์พืช จำนวน 150 ล้านบาท
สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ โดยรัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินในการดำเนินนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อรักษาทิศทางความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่มีการขยายตัวให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่การสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในประเทศอย่างยั่งยืน จึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เป็นจำนวนไม่เกิน 100,358,077,000 บาท
โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1. ค่าใช้จ่ายส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชน จำนวน 4.6 พันล้านบาท 2.เพื่อจัดสรรตามแผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร จำนวน 2.4 หมื่นล้านบาท 3. เพื่อจัดสรรตามแผนยุทธศาสตร์เสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต จำนวน 2.1 หมื่นล้านบาท และ 4.เพื่อจัดสรรตามแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาศักยภาพชุมชน จำนวน 5.03 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 3 ปี ภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล คสช. ที่มีการของบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมกลางปี รวมแล้วกว่า 4 แสนล้านบาท ไล่ตั้งแต่ปี 2559 จำนวน 5.6 หมื่นล้านบาท ปี 2560 จำนวน 1.9 แสนล้านบาท และล่าสุดปี 2561 จำนวน 1.5 แสนล้านบาท ขณะเดียวกัน รัฐบาลคสช. เคยยืนยันมาตลอดว่า จะคำนึงถึงวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ซึ่งการตั้งงบประมาณเพิ่มเติมกลางปี 2561 ยังถูกมองว่าเป็นการเตรียมการรองรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. 2562 ผ่านการดำเนินการโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ที่ขับเคลื่อนโดยกระทรวงมหาดไทย
ข่าวเกี่ยวข้อง :