สำนักข่าวบีบีซี รายงาน นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น และผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ด้านการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 80 ปี โดยมูลนิธิโคฟี อันนัน เปิดเผยว่า นายอันนันเสียชีวิตอย่างสงบหลังล้มป่วยในระยะเวลาสั้น
ทั้งนี้ นายโคฟี อันนัน เกิดเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2481 ที่เมืองกุมาซี ในเขตอาณานิคมโกลด์โคส ของอังกฤษ หรือ ประเทศกานา ในปัจจุบัน นายอันนันเข้ารับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยในเมืองกุมาซี และสำเร็จการศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์จากวิทยาลัยมาคาเลสเตอร์ มลรัฐมินเนโซตา สหรัฐอเมริกา ในปี 2504 จากนั้นศึกษาต่อในระดับมหาบัณฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์จาก Institute of International Affairs เมืองเจนีวา และสำเร็จปริญญาโทสาขาการบริหาร จากสถาบันเอ็มไอที
ในปี 2505 อันนัน เริ่มมีบทบาทในวงการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกิจการสหประชาชาติ โดยเข้าทำงานด้านบริหารและงานงบประมาณขององค์การอนามัยโลก (WHO) เคยร่วมงานกับสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ จากนั้นดำรงตำแหน่งระดับสูงอีกหลายตำแหน่งในสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
กระทั่งในเดือน ธ.ค. 2539 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้เสนอชื่อนายโคฟี อันนัน สู่การรับรองจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ เป็นลำดับที่ 7 โดยเริ่มดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2540 นายอันนันมุ่งมั่นปฏิรูปองค์การสหประชาชาติให้มีประสิทธิภาพ ผลักดันเรื่องสิทธิมนุษยชน การตั้งเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MDGs) และมีความอุตสาหะนำสหประชาชาติให้ใกล้ชิดกับภาคประชาสังคมมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ด้านรักษาสันติภาพ นายอันนันมีบทบาทเป็นสื่อกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างประเทศ ทั้งกรณีอิรัก, กรณีไนจีเรีย, กรณีอิสราเอล - เลบานอน รวมไปถึงการรักษาสันติภาพในลิเบียและติมอร์ตะวันออก ส่งผลให้องค์การสหประชาชาติมีบทบาทเชิงรุกอย่างต่อเนื่องในการสร้างสันติภาพให้แก่โลก
จากผลงานด้านสันติภาพอันเป็นที่ประจักษ์ ส่งผลให้ในปี 2544 คณะกรรมการรางวัลโนเบลมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้แก่นายโคฟี อันนัน และองค์การสหประชาชาติในฐานะที่ทุ่มเทการทำงานเพื่อสันติภาพและการยกระดับองค์การสหประชาชาติ และในปีถัดมา รัฐสมาชิกสหประชาชาติได้มีมติให้นายโคฟี อันนัน ดำรงตำแหน่งเลขาธิการฯ ต่อเป็นสมัยที่ 2 โดยเริ่มในวันที่ 1 ม.ค. 2545 ซึ่งนายอันนันยังคงเดินหน้าสร้างสันติภาพและมนุษยธรรมในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องจวบจนครบวาระในปี 2549
