ไม่พบผลการค้นหา
การสร้างสังคมไร้เงินสด กำลังทำให้อัตราการใช้เงินสดในสวีเดนลดลงอย่างมากจนอาจเข้าขั้นวิกฤต ขณะที่กำลังสร้างผลกระทบต่อกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีต่างๆ ให้ขาดความสะดวกซื้อของหรือรับบริการ

นายแมตส์ ดิลเลน หัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบของรัฐสภาสวีเดนกล่าวว่า หากสวีเดนกลายเป็นสังคมไร้เงินสดเร็วเกินไป อาจทำให้การดูแลโครงสร้างการรับและจ่ายเงินมีปัญหา แต่ขณะนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยว่ามีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาอย่างไร

เมื่อร้านค้า ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์ทั่วสวีเดนมักขึ้นป้ายว่าไม่รับเงินสด แต่จะรับบัตรเดบิต บัตรเครดิตและรับชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ส่งผลให้สวีเดนมีการใช้เงินสดน้อยที่สุดในโลก

โดยปี 2017 (พ.ศ. 2560) มูลค่าของธนบัตรและเหรียญที่หมุนเวียนอยู่ในระบบตกลงมาต่ำที่สุดนับตั้งแต่ ปี 1990 หรือลดลงในรอบ 27 ปี และตกลงมาถึง 40% เมื่อเทียบกับทศวรรษก่อนหน้า

ส่วนธนาคารหลายสาขาประกาศหยุดรับและจ่ายเงินสดเช่นกัน ซึ่งข้อเสียของสังคมไร้เงินสดคือคนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่ได้เข้าถึงสังคมดิจิทัล จะเป็นกลุ่มที่ถูกกีดกันออกไปจากวิธีชำระเงินแบบนี้

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจประจำปีของ Insight Intelligence ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า ในปี 2017 มีชาวสวีเดนเพียง 25% ที่ใช้เงินสดอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2013 ที่มีสัดส่วน 63% ส่วนคนที่ไม่ได้ใช้เงินสดเลยหรือใช้เงินสดเพียง 1-2 ครั้งต่อปีในปี 2017 มีสูงถึง 36%

สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ธนาคารกลางสวีเดนกำลังพิจารณาว่าจำเป็นต้องสร้าง e-krona หรือสกุลเงินดิจิทัลอย่างเป็นทางการหรือไม่ เพื่อรับมือกับพฤติกรรมการใช้เงินที่เปลี่ยนไปของประชาชน

อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่ากว่าจะดำเนินการสร้างเงินดิจิทัลมาใช้ได้ ต้องรอถึงปลายปี 2019 ซึ่งขณะนี้ทางการสวีเดนก็ไม่มีแผนว่าจะนำ e-krona มาใช้แทนเงินสดทั้งหมด