ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการมาตรวัดทางสังคมของอังกฤษพบว่า คนชนชั้นกลางประมาณร้อยละ 66 ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปในช่วงปี 2017 ขณะที่คนที่มีฐานะยากจนดื่มแอลกอฮอล์ประมาณร้อยละ 58 และคนชนชั้นกลางเสพยาเสพติดผิดกฎหมายร้อยละ 22 ขณะที่คนจนเสพยาเสพติดร้อยละ 13 เท่านั้น
แม้คนชนชั้นกลางจะดื่มแอลกอฮอล์และเสพยามากกว่าคนจน แต่คนจนกลับเผชิญปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิตมากกว่าคนชนชั้นกลาง สูบบุหรี่มากกว่า และมีความบกพร่องทางร่างกายมากกว่า
นอกจากนี้ สถานะของครอบครัวยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ภาวะยากจน พอๆ กับรายได้ที่ต่ำ โดยครอบครัวที่เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวถึงร้อยละ 52 อยู่ในภาวะยากจน ขณะที่ครอบครัวที่มีทั้งพ่อแม่ลูกอยู่ในภาวะยากจนร้อยละ 25 ขณะที่คนวัยเกษียณอยู่ในภาวะยากจนประมาณร้อยละ 10
ฟิลิปปา สเตราด์ จากสถาบันเลกาทัมได้ตั้งคณะกรรมาธิการนี้ขึ้นมา เพื่อพัฒนามาตรการแก้ไขปัญหาความยากจน เพื่อตอบโต้ที่นักการเมืองบางฝ่ายเรียกร้องให้มีการตัดงบประมาณช่วยเหลือคนยากจน โดยเธอหวังว่า ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการนี้จะเป็นเครื่องมือให้รัฐมนตรีที่พยายามต่อสู้คัดค้านการตัดงบประมาณ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับคนยากจนอย่างมาก
สเตราด์กล่าวว่า คณะกรรมาธิการนี้ต้องการให้ประเด็นความยากจนเป็นหัวใจของการกำหนดนโยบายของรัฐบาล และให้มั่นใจว่าการตัดสินใจเรื่องต่างๆ จะคำนึงถึงผลประโยชน์ในระยะยาวของคนยากจน โดยเกณฑ์ใหม่ที่คณะกรรมการกำหนดขึ้น จะเป็นก้าวแรกในการรวมคนที่ตกสำรวจในสถิติความยากจนครั้งก่อนๆ เช่น คนไร้บ้านและคนที่ต้องอยู่ในการเคหะที่หนาแน่นเกินไป
เมื่อปี 2015 รัฐบาลของนายเดวิด คาเมรอน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยกเลิกเกณฑ์ช่วยเหลือคนยากจน ซึ่งวัดผลจากรายได้ครอบครัวเทียบกับรายได้เฉลี่ยของคนทั้งประเทศเท่านั้น แต่เกณฑ์ใหม่จะพิจารณาเรื่องทรัพย์สิน และปัจจัยด้านลบต่อรายได้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น การเลี้ยงดูแลเด็ก ค่าเช่าบ้าน ไปจนถึงผลกระทบจากการพิการด้วย
คนอังกฤษมากกว่า 14.2 ล้านคนอยู่ในภาวะยากจน โดย 7.7 ล้านคนเป็นคนที่อยู่ในภาวะยากจนเรื้อรัง หรือยากจนต่อเนื่องมากกว่า 4 ปี และ 8 ล้านคนอยู่ในภาวะยากจนรุนแรง หรือมีระดับความยากจนต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจนมากกว่าร้อยละ 10 และคนยากจนมากที่สุดอยู่ในกรุงลอนดอน คิดเป็นร้อยละ 28 ของครัวเรือนทั้งหมดในกรุงลอนดอน สูงกว่าหลายพื้นที่กว่าร้อยละ 10
ที่มา : The Guardian