นายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เปิดเผยว่าเขาจะถอนฟิลิปปินส์ออกจากการเป็นภาคีศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC หลังจากที่ ICC เริ่มกระบวนการตรวจสอบนโยบายสงครามปราบปรามยาเสพติดในรัฐบาลของเขา โดยนายดูแตร์เตให้เหตุผลว่า ICC ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองโจมตีฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ เขายังประณามว่าสหประชาชาติโจมตีเขา 'โดยไม่มีมูลความจริง' อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมปฏิเสธว่าการปราบยาเสพติดไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรืออาชญากรรมสงครามอย่างที่ถูกกล่าวหา และการสังหารก็เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการของตำรวจอย่างชอบธรรม แต่ไม่ได้มีเจตนาจะฆาตกรรมใคร
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ICC เริ่มกระบวนการสอบสวนคดีอาญาที่เกิดขึ้นในปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดใน ฟิลิปปินส์ โดยอัยการ ICC เปิดเผยว่า ศาลจะตรวจสอบรายงานเกี่ยวกับการสังหารนอกระบบยุติธรรม พร้อมย้ำว่าการตรวจสอบของ ICC ไม่ใช่การสอบสวน แต่เป็นการตรวจสอบข้อมูล เพื่อพิจารณาว่ามีมูลที่สมเหตุสมผลในการดำเนินการสอบสวนคดีต่อไปหรือไม่
หลังจากที่นายดูแตร์เตขึ้นเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้เพียงไม่กี่เดือน เขาก็ประกาศทำสงครามกับยาเสพติด โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตในสงครามครั้งนี้อย่างเป็นทางการอยู่ที่ประมาณ 4,000 ราย แต่ฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเปิดเผยรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 12,000 รายแล้ว
ICC สามารถเข้าไปแทรกแซงคดีในประเทศสมาชิกได้ก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ในประเทศดังกล่าวไม่สามารถหรือไม่ยอมดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และศาลก็ไม่มีกองกำลังตำรวจเป็นของตัวเอง จึงต้องพึ่งพาอำนาจภายในประเทศในการจับกุมและนำตัวผู้ต้องสงสัยไปขึ้นศาล
ปัจจุบัน มีประเทศที่เป็นภาคีของ ICC ทั้งหมด 123 ประเทศ รวมถึงฟิลิปปินส์ ซึ่งวุฒิสภาฟิลิปปินส์ได้ยื่นมติคัดค้านว่าการถอนตัวออกจากพันธสัญญาระหว่างประเทศจะต้องผ่านการลงมติของวุฒิสภาเสียก่อน เนื่องจากรัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์ระบุไว้ว่าการยกเลิกพันธสัญญาระหว่างประเทศต้องได้รับการรับรองจากทั้งประธานาธิบดีและวุฒิสภา