ไม่พบผลการค้นหา
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) คือ อีกหนึ่งองค์กรอิสระที่ถูก 'เซ็ตซีโร่' ตามหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยเหตุผลจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า เพื่อต้องการกู้คืนสถานะเกรด A หลังจากถูก คณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชน อย่าง GANHRI ปรับลดสถานะลงมาเป็นเกรด B

ก่อนเกิดประเด็นร้อนโต้เถียงกันพักใหญ่ ถึงมาตรการ 'รีเซ็ต' กสม. ว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกับการถูกลดชั้น อันเกิดจากผลของ กสม.ชุดเก่าที่ ไม่อาจตอบรับต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงได้อย่างเท่าทัน ผ่านการจัดทำรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิอย่างล่าช้า

ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มนปช.ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ เมื่อปี 2553 จนมีผู้เสียชีวิต 99 ศพ และบาดเจ็บกว่า 2,000 ราย หรือเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มกปปส. ในปลายปี 2556 ที่เกิดความรุนแรงจนนำไปสู่การขัดขวางการเลือกตั้งด้วยเช่นกัน

เสื้อแดง  Cover Template.jpg

นอกจากนี้ บรรดานักสิทธิมนุษยชนต่างยังแสดงข้อห่วงกังวลต่อการปรับเปลี่ยนอำนาจหน้าที่ของ กสม. ใน รัฐธรรมนูญ ฉบับ2560 ว่า นำไปสู่การถดถอยของประเทศไทย จากการตัดอำนาจที่เคยถูกมองว่า ก้าวหน้า ในรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 ที่เคยเปิดโอกาสให้ กสม.สามารถฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ได้

ขณะเดียวกัน กรธ. กลับเพิ่มหน้าที่ให้ กสม.ต้องคอยชี้แจงประเด็นสิทธิมนุษยชนแบบไทยๆ เมื่อมีการรายงานสถานสิทธิในไทยที่ไม่ถูกต้องหรือเป็นธรรม ทำให้เกิดคำถามว่า หน้าที่เช่นนี้ จะช่วยส่งเสริมและคุ้มครอง สิทธิมนุษยชนไทยได้อย่างไร ในเมื่อ กสม.ถูกสร้างให้เสมือน 'โฆษกรัฐบาล' คอยแก้ต่างต่อเหตุการณ์ด้านสิทธิที่เกิดขึ้น

ล่าสุด คณะกรรมการสรรหา กสม. ที่มีนายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ถึงคิวเคาะ 7 ว่าที่ กสม. ชุดใหม่ ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาตั้ง กมธ.สอบประวัติและความประพฤติฯ 7 ผู้ได้รับการเสนอชื่อ ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง เพื่อลงตรายางประทับรายบุคคลว่าเห็นชอบหรือไม่

ขณะเดียวกันมีการตั้งข้อสังเกตต่อว่าที่ กสม. ชุดใหม่แล้วในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็น สัดส่วนจากเอ็นจีโอเข้ามามากเกินไป ไร้ตัวแทนจากสายศาล หลายรายก็เคยร่วมชุมนุมกับ กปปส.

ต่อไปนี้ คือส่วนหนึ่งในรายงาน การพิจารณาสรรหาบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กสม. ของคณะกรรมการสรรหา เพื่อทำความรู้จัก 7 ว่าที่กสม. ผ่านวิสัยทัศน์ มุมอง บางท่อนบางตอน ที่ให้ไว้ตอนสัมภาษณ์ ดังนี้

นางสมศรี หาญอนันสุข ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนต่อเนื่องกัน ได้ 7 คะแนน ในรอบแรก

"ดิฉันยังมองว่าเงื่อนไขของการปฏิรูปประเทศไทยทั้ง 11 ด้าน เป็นสิ่งที่น่าให้การสนับสนุนพร้อมผลักดัน ในส่วนที่ กสม.เข้าไปช่วยเหลือหรือออกกฎหมายใหม่ๆ ที่ให้การปกป้องคุ้มครองให้ความเป็นธรรมกับประชาชน และความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างแท้จริง ดิฉันได้ทำเรื่องการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งที่จะทำให้สิทธิมนุษยชนดีขึ้น

"ลำดับต่อมาคงจะพูดถึงเรื่องไทยแลนด์ 4.0 ในมุมมองของดิฉันคือโอกาส ที่จะทำให้ กสม.ช่วยส่งเสริมรัฐบาลบริหารประเทศไทย โดยคำนึงถึงภาพพจน์ที่กำลังจะเป็นประธานอาเซียน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยดีขึ้นหรือไม่"

"เราต้องพยายามยกเลิกวัฒนธรรมเก่าๆ ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ล้าหลัง เช่น การซ้อมทรมาน การอุ้มหาย และการจับแพะผู้บริสุทธิ์"

"ตัวเองจะมีจุดยืนมั่นคงกับเรื่องนี้ว่า นักสิทธิมนุษยชนต้องไม่เห็นด้วยกับโทษประหารและจำคุกตลอดชีวิต โดยต่อสู้มาเป็นระยะเวลา 30 ปี แต่เราก็สามารถทำงานกับคนที่ยังเห็นด้วยกับโทษประหารได้ เนื่องจากคนไม่เห็นด้วย ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคารพสิทธิมนุษยชน แต่เพียงความคิดยังต่างกัน ซึ่งต้องทำความเข้าใจในหลายๆมิติ"

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ltImage.jpg

นายไพโรจน์ พลเพชร ประธานมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้มีประสบการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนต่อเนื่องกัน ได้ 7 คะแนนในรอบที่สอง

"ยุทธศาสตร์เร่งด่วนที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ของกสม.มีอยู่ 3 เรื่องที่สำคัญ ประเด็นแรก การเยียวยาแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน ในกระบวนการยุติธรรมที่จะเป็นกลไกสำคัญในการทำให้การดูแลสิทธิมนุษยชนเป็นการดำเนินการได้จริง การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเป็นกลไกลสำคัญแแรกที่จะดำเนินการแก้ไขเยียวยาหรือคุ้มครองสิทธิ โดยกสม.สามารถเชื่อมโยงกับศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญด้วย เพราะการละเมิดสิทธิต้องมองเป็นระบบ ซึ่งจำเป็นที่กสม.ต้องเชื่อมโยงกับผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย"

"ประเด็นที่ 2 ความขัดแย้งตามแนวโน้มที่มีมาตลอดคือ ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในสังคมไทย นอกจากความไม่เป็นธรรมในการเข้าถึงแล้ว ระบบโครงการและกิจกรรมก่อให้เกิดผลกระทบจนเกิดปัญหาวิกฤติภัยพิบัติอย่างต่อนเอง"

"ประเด็นที่ 3 ปัญหา 2 กลุ่มคือ ปัญหาผู้สูงอายุ ซึ่งสังคมไทยกำลัจะก้าวเข้าสูสังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งปัญหาเด็ก ที่จะเข้าถึงการศึกษาอย่าต่อเนื่องเตรียมความพร้อม นี่น่าจะเป็นประเด็นยุทธศาสตร์สำคัญอย่างน้อย 3 ปี จะเห็นการเปลี่ยนแปลง"

จตุรงค์ บุณยรัตนสุนทร  ong400a.jpg

(จตุรงค์ บุณยรัตนสุนทร)

นายจตุรงค์ บุณยรัตนสุนทร ประธานกรรมการบริหารหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารสวัสดิการสังคม ม.หัวเฉียวฯ ในฐานะผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการสอนหรือวิจัยด้านสิทธิมนุษยชนระดับอุดมศึกษา ได้ 8 คะแนน ในรอบแรก

"ปีแรก กสม.ต้องมีความชัดเจนเรื่องแผนงาน ตามอำนาจหน้าที่ การทำงานต้องเน้นประสิทธิภาพให้มากขึ้น ทั้งเรื่องการตรวจสอบ การละเมิดสิทธิมนุษยชน ในส่วนของรายงานต้องใช้เวลาสั้นที่สุด อีกทั้งการเยียวยาของผู้ตกเป็นเหยื่อ แล้วต้องรายงานต่อสาธารณชน การทำงานได้ดีจะมีผลต่อการเลื่อนสถานภาพจาก B เป็น A ได้ ในระยะเวลา 1 ปี ควรทำแผนให้ชัดเจน และปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม"

"ข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่า กสม.กลายเป็นโฆษกรัฐบาลทั้งที่ตามหลักการ กสม.ควรทำงานอิสระตามหลักการปารีส แต่ผมคิดว่า การเขียนหน้าที่และอำนาจข้อนี้ไม่เป็นไร และไม่ได้เสียหาย กสม.จะทำหรือไม่ขึ้นกับความจริงที่เกิดขึ้น ถ้ามีรายงานสถานการณ์จากต่างประเทศแล้วผิดไปจากข้อเท็จจริง ผมคิดว่าเป็นหน้าที่ของ กสม.ที่ควรชี้แจง ไม่ควรปล่อยปละละเลยสิ่งที่ไม่เป็นจริงปรากฎในระดับสากล"

นายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ เลขาธิการมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ในฐานะผู้มีความรู้ด้านกฎหมายสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศ ได้ 7 คะแนนในรอบแรก

"ภารกิจเร่งด่วนที่คิดว่าจำเป็นที่ กสม.ต้องต้องฟื้นฟูให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น กสม. กลับคืนมา เพราะในสถานการณ์ที่ยากลำบากไม่ว่า กสม. คณะไหน ก็จะประสบปัญหายุ่งยากในเรื่องของภาครัฐ ในเรื่องของความโน้มเอียงที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์"

"ที่สำคัญ กสม.ถูกลดระดับเป็น B ภารกิจในการกอบกู้ศักดิ์ศรีของ กสม.กลับคืนสู่ระดับ A ให้เป็นแถวหน้าของภารกิจด้านสิทธิมนุษยชน ในภูมิภาคนี้มีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งต้องปรับปรุงภายในพอสมควร โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักรู้ให้สังคมว่า สำนึกสิทธิมนุษยชนของสังคมเป็นอย่างไร"

"การถูกปรับลดระดับมีนัยยะสำคัญคือ ประเทศไทยไม่สามารถตั้งคณะผู้แทนนั่งในคณะกรรมการในฐานะสมาชิกสามัญได้ มีสถานะเป็นสมาชิกผู้สังเกตการณ์เท่านั้น ไม่อาจเสนอข้อญัตติต่อที่ประชุมได้ ตรงนี้ทำให้ภารกิจในการส่งเสริมและคุ้มครองคนไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก"

โรฮิงญา

น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้มีความรู้และประสบการณ์ด้านการบริหารงานภาครัฐทีเกี่ยวกับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ได้ 7 คะแนน ในรอบแรก

"สิ่งสำคัญที่ดำเนินการคือ การให้รัฐบาลเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน 2 ฉบับที่เป็นคนผลักดันคือ อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน ล่าสุดทางสภาเห็นชอบลงนามรับรองอนุสัญญาว่าด้วยคนหายโดยไม่สมัครใจ และตอนนี้รัฐบาลกำลังเสนอร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและบังคับให้หายสาบสูญ หากมีโอกาสได้เป็น กสม.จะติดตามเรื่องกฎหมายที่รัฐบาลจะผลักดันอยู่"

"ดูเหมือนว่าแผนสิทธิมนุษยชน เป็นกลไกในการขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนไทย ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีการขับเคลื่อน แต่จริงๆแล้ว เราประเมินพบว่าดีขึ้น ที่สำคัญคือรัฐบาลรับให้เป็นวาระแห่งชาติด้วยจากแผนสิทธิมนุษยชน"

พรประไพ กาญจนรินทร์  .jpg

(พรประไพ กาญจนรินทร์ )

น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์  ในฐานะผู้มีความรู้และประสบการณ์ด้านการบริหารงานภาครัฐทีเกี่ยวกับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ได้ 7 คะแนนในรอบแรก        

"ต่างประเทศมองว่า กสม.ต้องมีอิสระ สามารถวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้อย่างเต็มที่ นี่เป็นสิ่งที่ทุกประเทศเขาอาจจะยึดหลักนี้ แต่ในบริบทของไทย แต่ละประเทศจะมีสภาวการณ์ไม่เหมือนกัน ในเมื่อพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กสม. พ.ศ.2560 กำหนดต้องทำหน้าที่ชี้แจง ไม่ใช่เฉพาะทั่วๆไป แต่รัฐบาลในส่วนก็คงต้องทำหน้าที่โดยสุจริตคือ น่าจะต้องพูดในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงได้"

"อยู่ที่วิธีการนำเสนอว่า จะเสนอข้อเท็จจริงอย่างไร ขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ ฉะนั้นในส่วนของประเทศไทย อำนาจหน้าที่อาจไม่เหมือนกับของประเทศต่างๆ ต้องคำนึงถึงบริบทในประเทศด้วย แต่ก็เชื่อว่าในฐานที่อยู่ในแวดวงระหว่างประเทศ ก็สามารถพูดข้อเท็จจริงโดยรวม โดยไม่ทำให้แต่ละภาคส่วนเกิดความรู้สึกว่า เราเอนเอียง ไม่ตรงไปตรงมา"

สุรพงษ์ กองจันทึก 186275847_3602398489465585664_n.jpg

(สุรพงษ์ กองจันทึก)

นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการด้านนโยบายด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้มีความรู้และประสบการณ์ ด้านปรัชญา วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของไทยเป็นที่ประจักษณ์ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ได้ 8 คะแนน ในรอบสอง

"ปัจจุบันเราถูกลดเกรดลงมาจากระดับ A ลงมาเป็น B ขณะเดียวกันเราได้แก้ไขเรื่องการสรรหาซึ่งเป็นจุดอ่อนในครั้งก่อนแล้ว ในคณะกรรมาชุดปัจจุบันนี้ ผมว่าเรื่องของความเป็นอิสระซึ่งอาจจะยังมีปัญหาอยู่ในชุดที่ผ่านมา จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่า กสม.ต่อไปต้องมีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง กล้าที่จะเสนอข้อเท็จจริงออกมาให้สังคมทราบโดยเร็ว"