ไม่พบผลการค้นหา
ปารีสวางแผนสร้างความอลังการด้วยการปลูกป่าชานกรุง ซึ่งขนาดใหญ่กว่าสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์คในนครนิวยอร์กถึง 5 เท่า

ด้วยนโยบายห้ามรถยนต์เข้าเขตถนนช็องเซลีเซทุกวันอาทิตย์ การปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเมืองเดินเท้า ส่งผลให้ทั่วโลกต่างจับตามองความพยายามของกรุงปารีสในการผลักดันโครงการมหากาพย์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของคนเมืองมาตลอด เนื่องจากปัจจุบันกรุงปารีสมีสวนสาธารณะมากกว่า 400 แห่ง ขณะเดียวกันก็คว้าชัยชนะในฐานะ ‘เมืองสีเขียว’ มากสุดในทวีปยุโรป แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะความกดดันจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทำให้ปารีสต้องการก้าวหน้าไปอีกขั้น

ล่าสุด กรุงปารีสต้องเผชิญหน้ากับปัญหามลพิษทางอากาศขั้นรุนแรง ไม่ต่างจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก แต่ด้วยความที่กรุงปารีสในศตวรรษที่ 21 ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเมือง และวางแผนการรับมือกับผลกระทบจากภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมื่อเร็วๆ นี้ กรุงปารีสจึงประกาศสร้างพื้นที่ป่าชานเมืองที่ยิ่งใหญ่สุดในศตวรรษ

แผนการดังกล่าวเป็นการปลูกป่าใหม่บนพื้นที่ราบในย่าน Pierrelaye-Bessancourt ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปารีส โดยต้องใช้ต้นไม้มากกว่า 1 ล้านต้น ปลูกลงไปบนพื้นที่ 1,350 เฮคเตอร์ หรือ 5.2 ตารางไมล์ เพื่อให้มีขนาดใหญ่กว่าสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์คในนครนิวยอร์กถึง 5 เท่า

นอกจากนั้น โครงการปลูกป่าชานเมืองยังเป็นส่วนหนึ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับกรุงปารีส เนื่องจากพื้นที่เป้าหมายทอดยาวตามแนวโค้งของแม่น้ำแซน และได้รับความเดือดร้อนจากทิ้งขยะของคนปารีสมานานหลายทศวรรษ โดยตั้งแต่ปี 1896 เป็นต้นมา คนปารีสทิ้งสิ่งปฏิกูลลงไปในย่าน Pierrelaye-Bessancourt ต่อมาในทศวรรษที่ 1990 แสดงให้เห็นว่า ดินปนเปื้อนสารพิษ และเต็มไปด้วยโลหะหนัก

อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงพื้นที่สกปรกให้กลายเป็นป่าชานเมืองจะนำประโยชน์มหาศาลมาสู่กรุงปารีส เช่น การสร้างที่อยู่อาศัยอันปลอดภัยให้แก่สัตว์บางชนิด ส่วนการปลูกต้นเบิร์ช และต้นโอ๊ก ยังช่วยทำความสะอาดดินไปในเวลาเดียวกัน และยับยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่สำคัญ ความกดดันของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ปารีสเข้าใจดีว่า พื้นผิวเมืองต้องดัดแปลงให้กลายเป็นป่าที่แผ่กระจายไปตามเส้นทางการเดินทาง

อ่านเพิ่มเติม: