ไม่พบผลการค้นหา
'ทรัมป์' ตัดสินใจลงนามในเอกสารข้อตกลงทางการค้ากับ 'จีน' หนา 86 หน้า เพื่อยุติการบั่นทอนเศรษฐกิจโลก ยอมลดภาษีนำเข้าสินค้า 1.2 แสนล้านดอลล์ ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7.5 แลกกับจีนส่งแผนปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาภายใน 30 วัน

เมื่อเย็นวันพุธ (15 ม.ค.) ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงระยะที่ 1 กับจีน โดยมีนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีและผู้เจรจาระดับสูงเป็นตัวแทนของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมลงนามข้อตกลง

ทรัมป์ กล่าวว่า "นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญและเป็นที่น่าจดจำมาก" ที่ตนสามารถแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมทางการค้าที่สหรัฐฯ ต้องเผชิญในช่วงที่ผ่านมาและย้ำว่าสิ่งนี้ "อาจจะเป็นเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่ผมตัดสินใจลงสมัครประธานาธิบดีตอนนั้น" 


"ด้วยพลังของทุกฝ่ายเราจะทำให้อดีตที่ผิดพลาดกลับมาถูกต้อง" ทรัมป์ กล่าว

ส่วนสี จิ้นผิง มีจดหมายออกมามีใจความว่า ข้อตกลงครั้งนี้เป็นการพิสูจน์ว่าทั้ง 2 ประเทศสามารถทำงานร่วมกันได้ สามารถเชื่อมสะพานแห่งความขัดแย้งได้ และสิ่งนี้เป็นเรื่อง "ที่ดีกับจีน สหรัฐฯ และทั้งโลก"


ทรัมป์

ใจความส่วนหนึ่งในข้อตกลงที่มีความหนา 86 หน้า คือ 

  • สหรัฐฯ สัญญาที่จะลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้ามูลค่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3.6 ล้านล้านบาท) จากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 7.5 ภายในระยะเวลา 30 วัน
  • มีการเรียกร้องให้จีนส่ง "แผนการลงมือปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา" ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ข้อตกลงเริ่มบังคับใช้ 
  • บริษัทต่างๆ ต้องสามารถเข้าไปดำเนินกิจการ "โดยปราศจากแรงกดดันจากฝ่ายอื่นๆ ให้โอนย้ายเทคโนโลยีไปให้อีกฝ่าย" เนื่องจากการโอนย้ายเทคโนโลยี "ควรเกิดขึ้นจากภาวะตลาดโดยความสมัครใจและสัญญาที่สะท้อนประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย"
  • จีนต้องเพิ่มการซื้อสินค้าในภาคการผลิตของสหรัฐฯ รวมถึงพลังงาน สินค้าเกษตรและบริการเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปี 

โลกเป็นอย่างไรหลัง 2 ยักษ์ลงนามข้อตกลง

ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ก่อนมีการลงนามเกิดขึ้น ขณะที่ค่ากลางของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ระหว่างวันขึ้นมาทำสถิติใหม่ในรอบ 6 ช่วงเวลาซื้อขายติดต่อกันตั้งแต่วันพุธ ตลาดจึงไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากหลังมีการลงนามข้อตกลง ขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชียไม่ได้เคลื่อนไหวมากนัก ฝั่งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ยังคงชะลอตัวในแนบราบ ด้านตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ก็ยังนิ่งอยู่

'ฮานนา แอนเดอร์สัน' นักกลยุทธ์จากฝ่ายบริหารสินทรัพย์เจพีมอร์แกน ชี้ว่า ตลาดไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงไม่ได้มีการขยับตัวอย่างรุนแรง แต่ตลาดจะยังเพิ่มมูลค่าต่อเนื่องจากความเสี่ยง ที่อาจทำให้เกิดความผันผวนได้ตลอดปี 2020 

สำหรับประเทศไทย 'รุ่ง สงวนเรือง' ผู้อำนวยการผู้บริหารกลุ่มวิจัยและวิเคราะห์ตลาดการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดว่า ตลาดก็จะไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นและเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนมีการประเมินทิศทางไปในเชิงบวกก่อนหน้าแล้ว 

อย่างไรก็ตาม รุ่ง ชี้ว่า ความผันผวนระยะสั้นอาจเกิดอีกครั้งในช่วงคืนนี้ ที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขค้าปลีกของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการสะท้อนกำลังซื้อของผู้บริโภคที่คิดเป็นสัดส่วนสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ ส่วนการจับตามองในระยะกลางและระยะยาวยังขึ้นอยู่กับแนวนโยบายของทรัมป์ที่จะชูในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง

อ้างอิง; Bloomberg, NYT, The Guardian, CNBC, CNN