วันที่ 10 มิ.ย. 2564 ที่รัฐสภา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการอภิปรายของ วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่อภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท โจมตีกระทรวงสาธารณสุขว่า เป็นข้อมูลตัดแปะ ไม่มีความจริง ดังนั้นเวลาจะอภิปรายอะไรต้องทำการบ้านไม่ใช่เห็นไมค์แล้วก็วิ่งเข้าใส่
ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อนั้น ตนมองว่ากระทรวงสาธารณสุข ต้องจบ เหมือนการรักษาคนไข้ ไม่ต่อความยาวสาวความยืด
เมื่อถามว่าจะเป็นการขัดเเย้งระหว่างพรรคหรือไม่ อนุทินบอกว่า เรื่องระหว่างพรรค ผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ยังหวานแหววกันอยู่เลย เช่นเมื่อวานนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังกดเบอร์โทรผิดมาหาตน สงสัยคงคิดถึงกัน ดังนั้นระหว่างพรรคก็มีบ้าง ไม่เป็นไรลิ้นกับฟัน ส่วนพอใจผลการลงโทษของพลังประชารัฐต่อกลุ่มส.ส.6ดาวฤกษ์หรือไม่ ตนมองว่าเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ และตัวเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ให้เป็นเรื่องผู้บริหารพรรค
อนุทิน ยังกล่าวถึง การอภิปรายของส.ส.บางคนในพรรคที่ยังวิพากวิจาษณ์ การกู้เงินในครั้งนี้ ว่าตนมองว่าเป็นการอภิปรายเพื่อความสร้างสรรค์ ทุกฝ่ายถ้าอภิปรายเป็นสาระ ตนก็จะเอามาฟังและทำงานต่อ เพื่อบ้านเมือง ส่วนการโหวตนั้นเป็นรัฐบาลก็ต้องโหวตให้ผ่านอยู่แล้ว พร้อมยกคำพูดที่ว่า "อภิปรายอย่างราชสีห์ โหวตอย่างหนู" ขึ้นมา และกล่าวต่อว่า ราชสีห์กับหนู อยู่คู่กันมาเป็นพันๆปีแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่อยู่ในนิทานอีสป แสดงว่าต้องสำคัญทั้งคู่ ขาดกันไม่ได้
ด้าน ภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวถึงการลงมติ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการแพร่ระบาดและติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท หรือ ( พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ) ว่าพรรคภูมิใจไทยมีมติว่าเห็นด้วยกับการกู้เงิน 5 แสนล้าน ด้วยเหตุผลคือ พรรคภูมิใจไทยได้เห็นถึงความจำเป็นในการขอเงินกู้เงินเพิ่มเติมในครั้งนี้จึงจำเป็นที่จะต้องอนุมัติงบประมาณก้อนนี้ เนื่องจากเงิน 5 แสนล้านนี้ รัฐบาลจะนำไปแก้ปัญหาเรื่องสาธารณสุข เยียวยาพี่น้องประชาชน รวมทั้งการฟื้นฟูหารแพร่ระบาดของ โควิด-19 จึงมีความจำเป็นที่จะต้องลงมติอนุมัติ
อย่างไรก็ตามพรรคภูมิใจไทยก็ยังมีความเป็นห่วงในกระบวนการที่จะดำเนินการให้ใช้งบประมาณนี้ จึงมีความจำเป็นจะต้องตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบการใช้งาน 5 แสนล้านอย่างเข้มงวด และให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดโดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะเสนอญัตติด่วนต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ที่ประชุมได้หารือ และนำสู่การตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา 1 ชุด ในการตรวจสอบและติดตามการใช้เงิน 5 แสนล้านในครั้งนี้
ทั้งนี้ การตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาตรวจสอบเงินกู้ 5 แสนล้าน ที่กำลังจัดตั้งขึ้นใหม่นี้ควรที่จะมีกำหนดกรอบหน้าที่ให้ชัดเจน ซึ่งต้องเริ่มจากการเขียนญัตติเพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรให้ชัดเจนว่ากรรมาธิการนั้นตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร เพื่อให้กรรมาธิการปฏิบัติตามญัตติ โดยเชื่อกรรมาธิการเงินกู้ 5 แสนล้านนี้จะยังมีความเข้มข้นในการตรวจสอบ และต้องมีความจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ให้เข้มข้นกว่าการตรวจสอบเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง