ไม่พบผลการค้นหา
3 ผู้สมัคร ส.ส.ปชป. เมืองกาญจน์ ประสานเสียง กระแสตอบรับหัวหน้าและพรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้นมากหลังลงพื้นที่ต่อเนื่อง พร้อมชูเป็น 'นายกรัฐมนตรีสมัยหน้า'

วันที่ 9 ต.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดกาญจนบุรี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนลงพื้นที่ “จุรินทร์ ออนทัวร์” จังหวัดกาญจนบุรี ถึงการเตรียมความพร้อมในเรื่องผู้สมัครในภาคตะวันตกของพรรคว่า ถ้าพูดถึง 3 จังหวัดในภาคตะวันตก ประกอบด้วย นครปฐม กาญจนบุรี และราชบุรี นั้น ในทุกจังหวัดมีแกนนำรับผิดชอบแล้วอย่างชัดเจน

"อย่างจังหวัดราชบุรี มี ส.ส. อัครเดช (มุ่ง) วงษ์พิทักษ์โรจน์ จังหวัดนครปฐม ส.ส.สินธพ (แก้ว) แก้วพิจิตร สำหรับจังหวัดกาญจนบุรี มี 5 เขต ก็มีผู้สมัครที่พรรคเคาะแล้ว 3 เขต เขต 1 ส.ส.ศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ (ซ้อเจน) เขต 2 ฉัตรพันธ์ (แมน) เดชกิจสุนทร เขต 3 ปารเมศ (กำนันบอย) โพธารากุล อย่างน้อยที่สุดทั้ง 5 ท่านนี้ก็ถือว่าเป็นพื้นที่เป้าหมาย และจะได้ช่วยกันหาผู้สมัครเพิ่มเติมเข้ามาสำหรับเขตที่เหลือด้วย" จุรินทร์กล่าว

จุรินทร์กล่าวอีกว่า สำหรับจุดขายของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะช่วยดึงฐานเสียงเก่าและที่จะมีเพิ่มขึ้นอีกนั้น จุรินทร์กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดก็คือผู้สนับสนุนพรรคเดิม ซึ่งเราเสียไปจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วด้วยอุบัติเหตุทางการเมือง ก็หวังว่าจะกลับมา ขณะเดียวกันสมาชิกใหม่ๆ คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรคก็มีเยอะ ไม่ใช่ไม่มี และไม่ได้แปลว่าพอเป็นคนรุ่นใหม่แล้วเขาจะไม่มาเลือกประชาธิปัตย์ ที่จริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น และผู้สมัครของเราก็มีศักยภาพ เคยเป็นอดีตผู้แทนราษฎรก็มี เป็น ส.ส. ปัจจุบันก็มี

จุรินทร์1.jpg

ที่สำคัญคือลงพื้นที่ต่อเนื่องในระยะเวลาที่ผ่านมาซึ่งเป็นจุดสำคัญ นอกจากนั้นทิศทางในเรื่องการทำหน้าที่ของผู้แทนของพรรคก็มีความชัดเจน อย่างในจังหวัดกาญจนบุรีก็มีการพูดคุยกันมาเป็นระยะอยู่แล้วว่าจะมุ่งเน้นในการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรทั้งในสภา และในขณะที่เราเป็นรัฐบาล เราก็จะทำหน้าที่ของเราทั้งในส่วนของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและโควิดไปพร้อมกัน

ส่วนโควิดที่จังหวัดกาญจนบุรีนั้น ถือว่าขณะนี้ได้รับวัคซีนเข็ม 1 ครบแล้ว และเข็ม 2 ก็มีความคืบหน้าไปแล้วหลายเปอร์เซ็นต์ แต่สำคัญที่สุดคือทิศทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเช่นเดียวกับทั่วประเทศ สำหรับกาญจนบุรีมีเป้าหมายสำคัญอย่างน้อย 3 ข้อ 1. เรื่องการเกษตร 2. การท่องเที่ยว 3. การค้าชายแดน ทั้ง 3 เรื่องนี้ก็คือจุดที่ประชาธิปัตย์จะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ รวมทั้งผู้สมัครของพรรคที่จังหวัดนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคจะมีนโยบายหาเสียงที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่หรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนโยบายปลีกย่อยนั้นจะมีความแตกต่างในแต่ละพื้นที่ แต่ในภาพรวมพรรคก็มีนโยบายอยู่แล้ว แต่จะประกาศเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

“ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ คงไม่เอานโยบายว๊าว เป็นหลัก แต่เอาประเด็นที่สามารถแก้ปัญหาประชาชน และโดนใจประชาชนในพื้นที่นั้นจริงๆ เช่น ที่เมืองกาญจน์ การท่องเที่ยวคือสิ่งที่ชาวกาญจนบุรีรอคอย เพราะจะมีผลที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้นมาได้ และฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง ซึ่งก็ต้องรอวัคซีน ถ้าวัคซีนครบตามเงื่อนไขเมื่อไหร่ การท่องเที่ยวก็น่าจะเริ่มต้นได้ ผู้ประกอบการก็มีความพร้อม และตั้งตารออยู่ ซึ่งผู้แทนของพรรค และผู้สมัครของพรรค ก็จะได้ช่วยกันผลักดันต่อไป” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

พร้อมกับระบุเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากการเกษตรที่เป็นพื้นฐานสำคัญแล้ว ก็คือการค้าชายแดนซึ่งจะมีส่วนช่วยในการทำรายได้ให้คนทั้งจังหวัด โดยเฉพาะด่านเจดีย์สามองค์ที่เป็นจุดสำคัญ ซึ่งในปีนึงสามารถส่งออกไปได้เป็นหลักพันล้าน อันนี้ก็จะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้เศรษฐกิจของเมืองกาญจน์เดินหน้าได้คู่ไปกับการท่องเที่ยว โดยมีการเกษตรเป็นพื้นฐาน ซึ่งจากนี้การเกษตรก็จะได้รับประโยชน์มากจากนโยบายประชาธิปัตย์ เพราะจากโครงการประกันรายได้เกษตรกรในพืช 5 ชนิด ที่เมืองกาญจน์มีครบทุกตัว ทั้ง ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์ม และข้าวโพด ถือว่าเมืองกาญจน์ได้รับประโยชน์เต็มๆ จากนโยบายประกันรายได้

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงภาพรวมของการเตรียมการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งแต่ละพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคแกนนำรัฐบาลได้กระจายเดินสายทั่วประเทศนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ประชาธิปัตย์เราก็ทำมาก่อนหน้านั้นแล้ว อย่างของตนก็มี “จุรินทร์ ออนทัวร์” เดินสายไปทั่วประเทศ เมื่อวานก็อยู่จันทบุรี ตราด วันนี้ก็มาเมืองกาญจน์ ถัดไปก็จะไป 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขณะเดียวกันก็จะมีอีกทริปคือ ตรัง สตูล พัทลุง สำหรับภาคเหนือก็จะมีเชียงราย แพร่ น่าน พะเยา ภาคอีสานประมาณวันที่ 24 ต.ค. จะได้ไปโคราช เพราะมีผู้สมัครที่มีศักยภาพมาร่วมลงในนามพรรคหลายคน และจะไปยังจังหวัดอื่นๆ อีกด้วย

จุรินทร์2.jpg

ด้าน ศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส. จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ตนในฐานะ ส.ส. ที่ได้ทำหน้าที่ทั้งในสภา และในพื้นที่ ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าทุกจังหวัดประสบปัญหาโควิด และเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นสิ่งสำคัญ ทั้งการค้าธุรกิจ และท่องเที่ยวหยุดชะงักเกือบ 100% จึงได้ร่วมกันนำเสนอข้อมูลให้หัวหน้าพรรคไปแล้วเพื่อจะได้ร่วมกันหาทางแก้ปัญหาต่อไป

ส่วน ปารเมศ โพธารากุล ว่าที่ผู้สมัครเขต 3 กล่าวว่า ในพื้นที่เขต 3 ของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นพื้นที่เกษตร ส่วนใหญ่ปลูกอ้อยเป็นสิ่งสำคัญ ที่ผ่านมาพี่น้องชาวไร่อ้อยกว่า 17,000 คนจะได้มีการยื่นหนังสือเพื่อเสนอแก้ไข พ.ร.บ.อ้อย ซึ่งมีการพิจารณาผ่านวาระที่ 1 ไปแล้ว และกำลังอยู่ในการพิจารณาของ กมธ. อ้อยและน้ำตาลเป็นรายมาตรา หากการพิจารณาดังกล่าวผ่านไปได้ก็จะเป็นตัวนำทางสำคัญที่จะทำให้ราคาอ้อยมีราคาดีขึ้น

พร้อมกับเห็นด้วยกับนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคที่ชู นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายจุรินทร์ สามารถดูแลเรื่องการค้าขาย ทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น รวมไปถึงการสร้างสถิติใหม่เรื่องการส่งออก ส่วนด้านการเกษตร จากการที่มีโครงการประกันรายได้ ทำให้สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะมันสำปะหลังที่มีราคาลอยสูงขึ้นไป จากปกติที่เมื่อมีราคาสูงขึ้นจะมีการปรับราคาลง แต่งวดนี้ท่านจุรินทร์สามารถส่งออกมันสำปะหลังได้มาก ทำให้มีราคาลอยตัว เกษตรกรมีความยินดี

สำหรับนายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ผู้สมัครเขต 3 จังหวัดกาญจนบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า จังหวัดกาญจนบุรี มี 3 เรื่องหลักคือการเกษตร ท่องเที่ยว และการค้าชายแดน ตอนนี้จากการลงพื้นที่พบว่าพี่น้องเกษตรกรพึงพอใจมากคือโครงการประกันรายได้ และยังมีโครงการปุ๋ยราคาถูก ที่ให้เกษตรกรรวมกลุ่มซื้อปุ๋ยได้ราคาถูกที่เกษตรจังหวัด นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ดินทำกิน ที่นายนิพนธ์ บุญญามณี ได้มอบหมายให้ดูแลนั้น มีการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในหลายพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านรอมาหลาย 10 ปี รอบนี้สามารถทำได้จนประสบผลสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องแหล่งน้ำของจังหวัดกาญจนบุรีที่ท่านหัวหน้าให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งกำลังรวบรวมข้อมูล และใช้กลไกของรัฐบาลเพื่อผลักดันให้แก่พี่น้องจังหวัดชาวกาญจนบุรีต่อไป

ทั้งนี้ว่าที่ผู้สมัครจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง 3 คน ยืนยันว่าพวกเราทั้งสามคนพร้อมประกาศให้ ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะผลงานที่ได้ทำมาเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว