ทว่า สถานการณ์ของพรรค “อนาคตใหม่” เพียงแค่ 1 ปี 6 เดือน กลับตาลปัตร ต้องเผชิญศึกใน – ศึกนอก
ทั้งความแตกร้าวภายในพรรค – และสารพัดคดีความกำลังจ่อคอหอยแกนนำพรรค
หัวหน้าพรรค “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ยอมรับว่า “ผมเพิ่งรู้ว่าเป็นคนเลวแค่ไหนก็ตอนตั้งพรรคนี่ละ”
เพราะ...“กรรมการบริหารพรรคทั้งหมดไม่เคยมีคดีมาก่อนไม่ว่าทางแพ่งหรืออาญา แต่พอก่อตั้งมา 1 ปีกลับมีกว่า 20 คดี”
คดีที่กำลังจ่อคอหอย อาทิ คดีถือหุ้นบริษัทวีลัค - มีเดีย ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลวินิจฉัยคุณสมบัติ ว่าเข้าข่ายถือหุ้นสื่ออันเป็นคุณสมบัติต้องห้ามการเป็น ส.ส.หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 20 พ.ย.2562
หากศาลรัฐธรรมนูญชี้มูลว่า “ธนาธร” ถือหุ้นสื่อจริง กรณีนี้อาจถูกขยายผลไปสู่การดำเนินคดีทางอาญา เพราะเข้าข่ายทำผิดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 ที่ระบุว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
มีโทษจำคุก 1-10 ปี และตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 20 ปี!
ขณะที่ ข้อหาร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 กรณีวิจารณ์กระแสข่าวกรณีพลังดูด คสช. นั้น ยังไม่จบง่ายๆ แม้ในชั้นแรกอัยการจะสั่งไม่ฟ้อง แต่ยังต้องรอควมเห็นจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าเห็นแย้งหรือไม่
ถ้าไม่เห็นแย้งคดีก็จบสิ้น แต่ถ้ามีความเห็นแย้งจะต้องส่งเรื่องต่อให้ สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณา โดยเบื้องต้นเลื่อนนัดฟังคำสั่งอัยการ เป็นวันที่ 2 ธ.ค. 2562
ส่วนคดีสำคัญๆ ที่ “ธนาธร” ถูกหมายหัว อาทิ คดีที่พนักงานสอบสวน ออกหมายเรียก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ข้อกล่าวหาในคดีอาญา ที่ 691/2558 เกิดเหตุที่ สน.ปทุมวัน ว่ามีความผิดฐานยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, ความผิดฐานให้ความช่วยเหลือพาผู้ต้องหาหลบหนี ตามมาตรา 189 และความผิดฐานมั่วสุมชุมนุมเกิน 5 คน ตามมาตรา 215 ร้องโดยพ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมาย คสช.
คดีที่นายณฐพร โตประยูร ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรค ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง
คดีที่ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ให้ดำเนินคดีกับบุคคลรวม 12 คน รวมถึงนายธนาธร ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116
คดีที่ กกต.ตั้งสำนวนตรวจสอบกรณี นายธนาธร ถูกร้องให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 191 ล้านบาท เพื่อดำเนินกิจการพรรคอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมือง
ส่วนคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรรมการบริหารพรรค อาทิ คดีที่ พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค ถูกแจ้งข้อหาในคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากเผยแพร่-ส่งต่อภาพ-ข้อความ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ดื่มกาแฟในราคาแก้วละ 12,000 บาท รวมเป็นยอดเงินกว่า 80,000 บาท
คดีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ เป็นการดูหมิ่นศาล และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งอัยการนัดให้ข้อมูลเพิ่มเติมวันที่ 20 พ.ย.นี้
กับคดีล่าสุดที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค และกรรมการบริหารพรรค ถูก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้องเรื่องบริจาคเงิน 1 ล้านบาทให้กับพรรค ทั้งที่มีเงินฝากเพียงหลักแสน หรืออาจเป็นเทคนิคในการกระจายการบริจาคของนายทุนพรรคตัวจริงเพื่อเลี่ยง มาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2561 หรือไม่ หรือเป็นเงินที่ได้มาโดยวิธีการอื่นที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายเรื่องนี้ต้องร้องให้กกต.ตรวจสอบ
ท่ามกลางความแตกร้าวภายในพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเห็นรอยปริแตกมากขึ้นทุกนาที
ภายหลังการลงมติโหวต 2 นัดสำคัญ ทั้งการลงมติโหวตคว่ำ พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นหน่วยงานบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562
เป็นเหตุให้ นายนิรามาน สุไลมาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ อนาคตใหม่ ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค ด้วยการทำหนังสือขอลาออก จากผลพวงของการลงมติโหวตคว่ำ พ.ร.ก.ดังกล่าว
ทั้งการปล่อยให้เกิดภาวะ “เสียงแตก” ในการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563
ก่อให้เกิดกระแส “รอยร้าว” ในพรรคอนาคตใหม่ อยู่ในช่วงมีปัญหาเรื่องกุมสภาพภายในพรรคไม่ได้ ถูกคนในพรรค “ปล่อยข่าวฉาว-แฉ” รายวัน มองว่าแกนนำ - คนใกล้ชิดแกนนำ รวบอำนาจบริหารจัดการ ไม่ฟังเสียงผู้สมัคร ส.ส.- นักการเมืองในท้องที่
บวกกับก่อนหน้านี้ การเฟ้นผู้สมัครลงเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นในนามพรรค ซึ่งให้มีการจัดดีเบต ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ที่ จ.นนทบุรี ลามถึงจันทบุรี - ชลบุรี
แถม “นิพนธ์ แจ่มจำรัส” อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 2 พรรคอนาคตใหม่ พร้อมอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 30 คน และสมาชิกพรรคกว่า 90 คน ทยอยเข้ายื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง
โดย “นิพนธ์” ตอบคำถามนักข่าวที่ถามว่า การลาออกเพราะไม่ได้รับตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่?
นายนิพนธ์ตอบว่า ไม่ใช่เพราะสมาชิกทุกคนไม่มีใครต่อรองหรือเรียกร้องเรื่องนี้ การต่อรองตำแหน่งไม่ได้เกิดจากการที่พวกเราเรียกร้องหรือร้องขอ แต่เป็นสัญญาจากพรรคที่ให้สัญญาจากที่ประชุม เมื่อคำมั่นสัญญาต่างๆเหล่านั้น มีเรื่องอื่นทับถมขึ้นมาเรื่อยๆ จึงรู้สึกว่าผู้นำไม่รักษาคำพูด เรื่องเล็กน้อยยังรักษาคำพูดไม่ได้ แล้วจะไปทำนโยบายที่ลงไปสู่ประชาชนอีก 60 ล้านคนได้อย่างไร
สิ่งที่คิดว่าเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” นิพนธ์ บอกว่า “เรื่องการอภิปรายงบประมาณ ตัวคนของพรรค หรือตัว ส.ส.ของพรรคที่ตกเป็นข่าว และวันนี้พรรคยังไปโจมตีผู้สมัคร มองว่าพรรค การเมืองเปรียบเสมือนพ่อแม่ ส.ส.เปรียบเสมือนลูก เมื่อลูกออกไปนอกบ้านแล้วคนในสังคมบอกว่าลูกท่านสร้างความเดือดร้อน ท่านจะฟันธงว่าลูกทำผิด หรือจะดึงลูกออกจากจุดขัดแย้งแล้วมาว่ากล่าวตักเตือนลูก ทำไมไม่ว่ากล่าวกันในพรรค ทุกวันนี้ มีอยู่แล้วเรื่องกระแสการขับไล่ต่างๆมากมาย”
อีกด้าน “ธนาธร” ตอบโต้ว่า “อย่างที่ผมยืนยันมาตลอดว่า การสร้างพรรคเพียงแค่ 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา มันไม่มีอะไรทำได้สมบูรณ์แบบ มันไม่มีทางที่จะสร้างพรรคที่เข้มแข็ง ที่เติบโตเร็วขนาดนี้อย่างสมบูรณ์แบบได้ในเวลา 1 ปีครึ่ง ดังนั้นประสบการณ์ต่างๆ ความผิดพลาดต่างๆ เราก็รับเข้ามาเรียนรู้ ปรับปรุง เพื่อสร้างพรรคให้เข้มแข็งมากขึ้น”
“กรณีอดีตผู้สมัคร ส.ส.รวมถึงสมาชิกท่านอื่นที่ลาออกจากสมาชิกพรรคในวันนี้ ก็ถือว่าเป็นกระบวนการตามปกติ ไม่ได้ทำให้พวกเราหวั่นไหวสั่นคลอน ก็ขอเดินหน้าต่อ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์พวกเราว่าจะสร้างพรรคที่เข้มแข็งได้หรือไม่”
“ต้องเรียนอย่างนี้ พอเราเข้ามาทำการเมือง แน่นอนที่สุดตอนเลือกผู้สมัครส.ส.เข้ามา เรามีเวลาสั้นมากกว่าที่เราจะได้รับรองเป็นพรรคเดือนต.ค.ปีที่แล้ว เลือกตั้งมี.ค.เราใช้เวลาแค่ 2 เดือน ในการคัดสรรผู้สมัครส.ส.ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา กระบวนการที่สั้นทำให้เราไม่สามารถคัดกรองคนที่มีอุดมการณ์ คนที่มีหลักการ คนที่เชื่ออย่างพรรคได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มันเป็นไปไม่ได้”
“เมื่อเวลาเดินเข้ามา สถานการณ์และเวลาก็พิสูจน์คนว่าใครยืนหยัดร่วมกับพรรค ใครมีอุดมการณ์ตรงกับพรรค ดังนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกพรรคการเมืองก็เป็นอย่างนี้ เมื่อกาลเวลาเดินผ่านไปก็มีคนเดินเข้าและมีคนเดินออกตามปกติของการเดินทาง”
“สิ่งที่ผมยังยินดี สิ่งที่ผมยังดีใจก็คือ ทุกวันนี้ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ขอเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ มีคนจำนวนมากอยากเข้ามาร่วมทำงานกับเรา ไม่ว่าจะเป็นงานนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นงานสร้างพรรค ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่อุปสรรค เราไม่มองว่าเป็นปัญหาสำหรับการก้าวต่อไปของเรา”
1 ปี 6 เดือน อนาคตใหม่ เหมือนเดินอยู่ในพงหนาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง