ไม่พบผลการค้นหา
"ประวิตร" ยืนยัน เรื่องพฤติกรรม "สิระ" ลงพื้นที่ภูเก็ต ไม่กระทบพรรค พลังประชารัฐ และรัฐบาล ชี้เป็นเรื่องส่วนตัว ด้าน "สิระ" ยืนยันเป็นคนเสียงดัง น้อมรับทุกคำวิจารณ์ ดีใจได้ทำงานเพื่อประเทศ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยัน ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดฟรีวีซ่าประเทศจีนและอินเดีย แม้จะมีหลายกระทรวงที่เห็นด้วยในแนวคิดนี้ โดยเห็นว่าหากเป็นมาตรการในระยะสั้นๆ เช่น 7 วัน ไม่เกินหนึ่งเดือนคงสามารถทำได้ แต่หากระยะยาวคงไม่สามารถอนุญาตได้ 

ส่วนกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐที่ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตตรวจสอบการบุกรุกสร้างคอนโดผิดกฎหมาย และมีภาพกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ว่านายสิระยังไม่ได้ติดต่อ หรือชี้แจงเรื่องนี้เบื้องต้นเข้ามา ทั้งนี้เห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของนายสิระ และต้องชี้แจงด้วยตนเอง ส่วนจะได้มีการพูดคุยกันหรือไม่นั้นก็ต้องขอดูก่อน และในการประชุมพรรควันนี้ถึงแม้จะเดินทางเข้าร่วมประชุมพรรค ก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะได้มีการพบเจอกับนายสิระเป็นหรือไม่ ยืนยันว่าการทำงานของนายสิรัจะไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคพลังประชารัฐและรัฐบาล โดยสาเหตุของการลงพื้นที่ของนายสิระนั้นก็ให้ไปสอบถามเจ้าตัวเอง

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังไม่ทราบถึงกรณีที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอให้มีการเพิ่มเวลากาศเปิดสถานบันเทิงจนถึงเวลา 04.00 น. ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย

ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนและ ส.ส.อีก 7 คน ได้เดินทางไปตรวจสอบการก่อสร้างที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้านในอำเภอกะรนว่าการก่อสร้างอาคารชุด หรือ คอนโดมีเนียม เป็นที่พักอาศัย บนที่ดินที่ได้เอกสารสิทธิ์ไม่ชอบตามกฎหมาย ตนตั้งใจไปทำงานเพื่อหวังที่จะทวงคืนที่ดินของประเทศกลับคืนมาจากกลุ่มนายทุน โดยก่อนที่จะเดินทางไปได้มีการประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดไว้แล้ว แต่ปรากฎว่าขณะที่ไปตรวจสอบการก่อสร้างพบ เจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งรับประทานกาแฟอยู่ในสำนักงานก่อสร้างแห่งนี้ ซึ่งยอมรับว่าเรารู้สึกเหมือนกันว่า เรามาทำงานแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกับนั่งทางกาแฟในที่ดินพิพาทแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ตอนนั้นมีคำถามว่าตำรวจทำหน้าที่ของเขาหรือยัง หากเขาปฎิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนอยู่ตนจะไม่ยุ่งเลย

“ผมเป็นคนพูดจาเสียงดัง แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าใคร หากเสียงของตนดังเกินไปก็ต้องขอโทษด้วย ผมน้อมรับทุกคำวิจารณ์ แต่นี่คือเนื้องานจริงที่ผมลงพื้นที่ เพื่อคนไทยทุกคน อย่าเพิ่งตัดสินผมเพียงแค่บางช่วงบางตอน ปัญหาของประเทศยังมีอีกมากมาย ที่ต้องลงไปแก้ไข มีคำถามว่าผมเป็น ส.ส.เขตหลักสี่ ทำไมไปช่วยเหลือนอกพื้นที่ ขอเรียนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นที่นี่ คือความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ถ้าผมรู้ปัญหาและไม่สนใจ ผมทำไม่ได้ ผมต้องช่วยเท่าที่ผมทำได้ ขอบคุณทุกคำแนะนำ คำตำหนิและคำวิจารณ์ ผมยินดีรับฟังและพร้อมปรับปรุงแก้ไข และขอขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ให้กำลังใจ” นายสิระ กล่าว 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง