ไม่พบผลการค้นหา
แอปฯ โซเชียลวิดีโอติ๊กต็อก มุ่งปฏิวัติวงการอี-เลิร์นนิงในอินเดีย จับมือพันธมิตรสตาร์ทอัพการศึกษาป้อนคลิปการเรียนรู้หลายหมวดหมู่หวังเพิ่มรายได้จากโฆษณาและแก้ไขภาพลักษณ์ที่ถูกรัฐบาลอินเดียมองว่าเอื้อให้เกิดความรุนแรงและเต็มไปด้วยสื่อลามก

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย "ติ๊กต็อก"(TikTok) แถลงในอินเดียว่ากำลังทำงานร่วมกับผู้ผลิตคอนเทนต์และบริษัทจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างคอนเทนต์ด้านการศึกษาป้อนเข้าสู่ติ๊กต็อก โดยเป็นคลิปสั้นขนาดพอดีคำที่มีหัวข้อครอบคลุมตั้งแต่คณิตศาสตร์ในระดับโรงเรียน การเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ตลอดจนความรู้ด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต และแรงบันดาลใจ เป็นส่วนต่อยอดจากแคมเปญ #เอดูต็อก (#EduTok) แฮชแท็กคอนเทนต์การศึกษาที่มีอยู่เดิม ซึ่งเป็นหนึ่งในแท็กในติ๊กต็อกที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในอินเดียโดยมีผู้ชมแท็กนี้สูงถึง 46,100 ล้านวิว

ทั้งนี้ แอปพลิเคชันติ๊กต็อก เป็นแพลตฟอร์มเผยแพร่วิดีโอขนาดสั้น 15 -60 วินาที มีเจ้าของคือไบต์แดนซ์ (ByteDance) สตาร์ทอัพจีนที่นับเป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสื่อที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

ติ๊กต็อกระบุว่าได้จับคู่พาร์ตเนอร์กับสตาร์ทอัพด้านการศึกษา (edtech) ของอินเดียอย่าง เวดานตุ (Vedantu) ท็อปเปอร์ (Toppr) เมดอีซี (Made Easy) เกรดอัพ (GradeUP) ซึ่งจะผลิตคอนเทนต์ด้านการศึกษาให้กับติ๊กต็อก

ซาชิน ชาร์มา ผู้อำนวยการฝ่ายขายและธุรกิจสัมพันธ์ของติ๊กต็อก กล่าวในงานแถลงที่กรุงนิวเดลี ว่าติ๊กต็อกได้รุกตลาดการศึกษาเพื่อตอบสนองอุปสงค์ของผู้ใช้งาน เนื่องจากวิดีโอการศึกษา เป็นคอนเทนต์ที่เป็นที่นิยมและสร้างการมีส่วนร่วมมากที่สุดในติ๊กต็อกที่อินเดีย และอ้างว่าในไม่กี่เดือนมานี้มีการโพสต์วิดีโอด้านการศึกษากว่า 10 ล้านวิดีโอในติ๊กต็อก

แคมเปญซึ่งประกาศวันวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียนั้น มาจากความพยายามของไบต์แดนซ์ที่จะทำรายได้เพิ่มจากคอนเทนต์การศึกษา หลังจากที่ปีนี้ได้เปิดตัวโกโกคิด (Gogokid) แพลตฟอร์มเรียนภาษาอังกฤษ และเห่าเฮ้าฉือฉี (好好学习: ตั้งใจเรียน) แอปพลิเคชันการศึกษา

แอปฯ ติ๊กต็อกนั้นแพร่หลายอย่างมาในประเทศอินเดียกระทั่งเป็นฐานที่มีผู้ใช้งานสูงที่สุดรองจากจีน โดยติ๊กต็อกอ้างว่ามีแอคทีปยูเซอร์ในอินเดียถึงเดือนละ 120 ล้านบัญชี

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี อ้างข้อมูลจากเซนเซอร์ทาวเวอร์ บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลว่าติ๊กต็อกถูกดาวน์โหลดโดยผู้ใช้ในอินเดียเกือบ 300 ล้านคน จากการดาวน์โหลดรวมกว่า 1 พันล้านครั้งทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ของติ๊กต็อกในสายตาของรัฐบาลอินเดียไม่ค่อยจะสู้ดีนัก โดยรัฐบาลชี้ว่าแอปฯ ถูกนำไปใช้เผยแพร่เนื้อหาลามกอนาจารกระทั่งถูกศาลแบนไปในเดือนเมษายนปีนี้ ก่อนจะยกคำพิจารณาในช่วงปลายเดือน แต่ยังคงเผชิญปัญหาเกี่ยวกับการถูกนำไปใช้สร้างความเกลียดชังระหว่างวรรณะกระทั่งเกิดเหตุการทำร้ายร่างกายและเสียชีวิตในบางกรณี

จายันต์ กอลลา ผู้ก่อตั้งคอนเวอร์เจนซ์แคทาลิสต์ (Convergence Catalyst) บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาเทรนด์เทคโนโลยี กล่าวว่าการหันไปหนุนคอนเทนต์ด้านการศึกษาเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว โดยช่วยปรับภาพลักษณ์ต่อแอปฯ และเพิ่มการมีส่วนร่วมในแอปฯ ด้วย

มธุร์ สิงหัล กรรมการผู้จัดการของแพรกซิสโกลบอลอไลแอนซ์ (Praxis Global Alliance) บริษัทให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ กล่าวว่าคอนเทนต์การศึกษาจะดึงดูดเม็ดเงินโฆษณามากกว่าเนื้อหาปัจจุบันจากผู้ใช้งานที่ออกไปทางมุกตลก การเต้น หรือลิปซิงค์เพลง

"ติ๊กต็อกกำลังพยายามค้นหาวิธีใช้งานรูปแบบใหม่ๆ ให้แพลตฟอร์มเพื่อให้เกิดการยอมรับในวงกว้างขึ้น" สิงหัลกล่าวพร้อมเสริมว่าการศึกษาเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับใครก็ตามที่ต้องการทำเงินจากคอนเทนต์ในอินเดีย

ภัยสังคม ภาพลักษณ์ติ๊กต็อกในสายตารัฐบาลอินเดีย

ภาพลักษณ์ของติ๊กต็อกที่อินเดียในดูเหมือนจะมีเนื้อหาอ่อนไหวกว่าในโลกตะวันตก ด้วยความแพร่หลายในหมู่เยาวชน ส่งผลให้แอปฯ นี้ถูกจับจ้องจากทางการ นักการเมืองอินเดียบางส่วนอ้างว่าแอปฯ นี้เผยแพร่เนื้อหาหยาบโลน และเรียกว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

ในเดือนเมษายน แอปฯ ติ๊กต็อกถูกถอดจากสโตร์ของกูเกิลและแอปเปิล หลังศาลตัดสินห้ามให้มีการดาวน์โหลดแอปฯ นี้อีก หลังถูกฟ้องว่าส่งเสริมสื่อลามก ก่อนที่จะมีการยกคำวินิจฉัยในช่วงปลายเดือน ก็ยังเผชิญกับปัญหาข้อถกเถียงครั้งใหม่

เมื่อเดือนกรกฎาคม ตำรวจในมุมไบจับ 3 เจ้าของบัญชีติ๊กต็อกที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ในข้อหาความรุนแรงด้านศาสนา หลังจากโพสต์วิดีโอการตายของชาวมุสลิมรายหนึ่ง และเดือนต่อมาติ๊กต็อกก็ตกเป็นเป้าจับจ้องอีกครั้งเมื่อมีผู้โพสต์วิดีโอดูหมิ่นข่มขู่คนในวรรณะดาลิตและกลายเป็นไวรัลขึ้นมาโดยเต็มไปด้วยผู้คนโกรธเกรี้ยวต่อคลิปดังกล่าว

ทั้งนี้เว็บไซต์ไวร์ด ระบุว่า วรรณะดาลิตหรือเดิมเรียกว่าจัณฑาล คิดเป็นจำนวน 17 เปอร์เซ็นต์ของประชากรอินเดีย โดยเกิดอาชญากรรมต่อคนในวรรณะนี้ทุก 15 นาที

เว็บไซต์ไวร์ด เผยเอกสารจากศาลอินเดียว่าติ๊กต็อกเผชิญปัญหากับเฮตสปีช (Hate speech) หรือถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง และในระหว่างวันที่ 31 พฤศจิกายน 2018 ถึง 19 เมษายน 2019 ทางบริษัทได้ลบวิดีโอที่ทำผิดกฎเกี่ยวกับ

เฮตสปีชและศาสนาไปถึง 36,365 คลิป และอีก 12,309 คลิปเกี่ยวกับพฤติกรรมที่คุกคามและเป็นอันตราย ขณะที่คลิปลามกทุกชนิดรวมกันนั้นถูกลบไปมี 9,855 คลิป

เซนทิล เอลันติรยัน สารวัตรอาชญากรรมไซเบอร์ ในเมืองมทุราย รัฐทมิฬนาฑู กล่าวว่าได้รับแจ้งเหตุไม่สงบที่เกิดจากวิดีโอเหยียดวรรณะในติ๊กต็อกหลายครั้ง โดยไม่เปิดเผยตัวเลข

กระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และไอทีของอินเดีย ได้จับตาดูแอปฯ ติ๊กต็อกอย่างใกล้ชิด โดยมองว่าแอปฯ นี้ถูกนำไปใช้ทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมายและต่อต้านอินเดีย

ที่มา: CNBC / Wired / FT / TechCrunch

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: