ไม่พบผลการค้นหา
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบ กกต. เรื่องการดำเนินคดีเลือกตั้ง กำหนดอำนาจพิจารณาสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สิทธิเลือกตั้ง หรือการจัดการเลือกตั้งใหม่ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ มีผลตั้งแต่ 9 ก.พ. เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2562 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการดำเนินคดีเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ระบุว่า การดำเนินคคีเลือกตั้งเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินคดีเลือกตั้ง ตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจาบุเบกษาเป็นต้นไป (ประกาศเมื่อ 8 ก.พ. 2562) โดยประกาศนี้ระบุว่า กฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง หมายถึงกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 

ส่วนการดำเนินคดีเลือกตั้ง หมายถึงการดำเนินการทั้งหลายเกี่ยวกับคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดีเพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งรวมถึงการดำเนินคดีกรณีสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สมาชิกวุฒิสภาคนใดคนหนึ่งสิ้นสุดลง หรือ กรณีความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว หรือ กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรผู้ใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือ กรณีสมาชิกวุฒิสภาผู้ใดขาดคุณสมบัติ หรือ มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง

พร้อมกันนี้ในระเบียบ กกต. ดังกล่าว ยังกำหนดว่า หากคณะกรรมการมีความเห็นให้เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นใหม่ หรือ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ให้คณะกรรมการยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ หรือ ศาลอุทธรณ์ภาคที่มีเขตอำนาจ หรือ กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา หรือกรณี สถานะสมาชิกภาพของ ส.ส. หรือ สว. มีเหตุสิ้นสุดลง หรือ ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว หรือภายหลังประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. หรือ สว. ให้คณะกรรมการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนการดำเนินคดีเลือกตั้ง ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งมอบอำนาจให้ กกต. หรือ เลขาธิการ กกต. หรือ เจ้าพนักงานคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจดำเนินการแทนได้ และเมื่อได้รับสำเนาคำสั่งศาลหรือคำวินิจฉัยแล้ว ต้องรายงานคณะกรรมการทราบโดยเร็ว

นอกจากนี้ ในระเบียบดังกล่าว ยังระบุถึงค่าตอบแทนค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีเลือกตั้งไว้ด้วย อาทิ ผู้ได้รับมอบหมายดำเนินคคีเลือกตั้งจะได้รับค่าตอบแทนเป็นรายสำนวน สำนวนละ 5,000 บาท ส่วนพยานในคดีเลือกตั้งที่ศาลมีหมายเรียกและให้เบิกความต่อศาล มีสิทธิได้รับค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าพาหนะตามอัตรา เช่น ถ้าพยานเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ พนักงานหรือลูกจ้างราชการ เบิกตามหลักเกณฑ์และค่าใช้จ่ายของหน่วยงานต้นสังกัด ถ้าพยานเป็นบุคคลทั่วไป ให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายและค่าเดินทางเทียบเท่าลูกจ้าง อย่างไรก็ตาม การเบิกจ่ายนี้ ให้จ่ายเมื่อพยานได้เบิกความเสร็จสิ้นแล้วโดยเร็ว และถ้าพยานมาตามนัดของศาล แต่ไม่ได้เบิกความ ซึ่งไม่ได้เกิดจากความผิดของพยาน ก็ให้เบิกค่าใช้จ่ายให้แก่พยานได้ด้วย

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ลงนามในประกาศเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2562