ไม่พบผลการค้นหา
อียูอาจพิจารณามาตรการเก็บข้อมูลผู้โดยสารทางรถไฟและทางถนน เพิ่มจากเดิมที่มีการเก็บข้อมูลผู้โดยสารทางอากาศเท่านั้น โดยมีแนวโน้มว่า สมาชิกอียูส่วนใหญ่จะสนับสนุนมาตรการนี้ แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความล่าช้าในการเดินทาง

ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ อียู ส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวคนที่เดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงและเดินทางบนท้องถนนในยุโรป จากเดิมที่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวเฉพาะผู้โดยสารที่เดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศ แม้จะมีความกังวลว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวอย่างไม่สมเหตุสมผลหรืออาจทำให้การเดินทางภายในยุโรปล่าช้าก็ตาม

ปัจจุบัน มาตรการเก็บข้อมูลผู้โดยสาร (PNR) ระบุให้ผู้ที่จะเดินทางภายในอียูด้วยเครื่องบินจะต้องให้ข้อมูล 42 อย่างให้กับทางการล่วงหน้าเกี่ยวกับสายการบิน วันเวลาเดินทาง เลขที่นั่ง ข้อมูลกระเป๋าเดินทาง มีโปรแกรมการเดินทางอย่างไร รวมถึง ข้อมูลบัญชีธนาคารและที่อยู่บ้าน โดยตำรวจและเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยจะใช้ข้อมูล PNR ในการคัดกรองผู้โดยสารก่อนออกเดินทาง เพื่อสอดส่องหาผู้ต้องสงสัยว่าจะก่อการร้ายหรือก่ออาชญากรรมร้ายแรง แล้วคอยติดตามความเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้

เว็บไซต์ Statewatch ได้เผยแพร่เอกสารลับของอียู ที่ระบุว่า ประเทศสมาชิกอียูร้อยละ 83 สนับสนุนการขยายขอบเขตการเก็บข้อมูล PNR ไปยังการเดินทางทางเรือ และร้อยละ 76 ของประเทศสมาชิกสนับสนุนการขยายขอบเขตการเก็บข้อมูลผู้โดยสารรถไฟ ขณะที่ร้อยละ 67 ของสมาชิกอียูสนบัสนุนการเก็บข้อมูลผู้เดินทางทางถนน เช่น คนที่ใช้บริการรถประจำทางข้ามประเทศ

รายงานดังกล่าวยังระบุว่า แม้สมาชิกอียูส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับการขยายขอบเขตการเก็บข้อมูลผู้เดินทางภายในอียู แต่ก็ยังมีความกังวลว่า หน่วยเก็บข้อมูลผู้โดยสารจะต้องประมวลข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก อาจมีหลายเรื่องที่อาจไม่สามารถจัดการได้ และอาจยิ่งถูกมองว่ารัฐพยายามละเมิดความเป็นส่วนตัว จึงขอเวลาในการไปพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดก่อน 

เอกสารลับเขียนว่า ประเทศสมาชิกมองว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือ จะต้องบังคับใช้มาตรการเก็บข้อมูล PNR จากผู้โดยสารทางเครื่องบินอย่างมีประสิทธิภาพก่อน ให้แน่ใจว่าหน่วยเก็บข้อมูลผู้โดยสารของทุกประเทศสมาชิกอียูสามารถจัดการข้อมูล PNR ได้อย่างเต็มศักยภาพ

ขณะนี้ เบลเยียมเป็นเพียงประเทศเดียวในอียูที่ใช้มาตรการเก็บข้อมูลผู้โดยสารทางบกแล้ว โดยให้ผู้ให้บริการรถไฟ รถประจำทาง และเรือเฟอร์รีระหว่างประเทศส่งรายงาน PNR ให้ทางการ และสนับสนุนให้ประเทศอื่นๆ ในยุโรปขยายมาตรการเก็บข้อมูลผู้โดยสารทางบกด้วย

ก่อนหน้านี้ สมาคมบริษัทการรถไฟและโครงสร้างพื้นฐานยุโรป ได้เตือนว่า การเดินทางระหว่างประเทศด้วยรถไฟจากเบลเยียมหรือไปยังเบลเยียมอาจใช้เวลานานกว่าเดิม 20 - 30 นาที หลังรัฐบาลบังคับใช้มาตรการเก็บข้อมูลผู้โดยสาร และตรวจสอบว่าชื่อบนตั๋วรถไฟตรงกับบัตรประจำตัวหรือพาสปอร์ตของผู้โดยสารหรือไม่

ทั้งนี้ การจะแก้ไขมาตรการเก็บข้อมูล PNR ให้ครอบคลุมการเดินทางการเรือ รถไฟ หรือทางถนน จะต้องมีการตรวจสอบและอภิปรายกันอย่างละเอียด และได้รับการรับรองจากรัฐสภายุโรปก่อน จากนั้น แต่ละประเทศจะมีเวลา 2 ปีในการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับกฎของอียู

เอกสารอียูอีกฉบับที่เขียนโดยรัฐฟินแลนด์ระบุว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ประสบปัญหาหลายประการที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางภายในยุโรป รวมถึงการเดินทางเข้าและออกยุโรป มีอาชญากรรมข้ามพรมแดนเพิ่มขึ้น เช่น การลักลอบนำเข้าผู้อพยพ การนำคนสัญชาติอื่นนอกเหนือจากอียูเข้าไปในพรมแดนอียู การลักลอบขนส่งยาเสพติด การก่อการร้าย และอาชญากรรมอื่น ซึ่งการขยายขอบเขตการเก็บข้อมูล PNR ไปยังการเดินทางทางน้ำหรือทางรถไฟความเร็วสูง ก็อาจลดปัญหาเหล่านี้ได้

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของ ยูโรบาโรมิเตอร์ แสดงให้เห็นว่า ประชาชนในอียูกังวลเกี่ยวกับการก่อการร้ายน้อยลงมาอยู่ที่ร้อยละ 18 เท่านั้น จากร้อยละ 58 ในปี 2015 และการก่อการร้ายก็ไม่ใช่เรื่องที่ 2 ประเด็นแรกที่คนกังวลมากที่สุดอีกต่อไป แต่เรื่องผู้อพยพก็ยังเป็นเรื่องที่คนกังวลมากเป็นอันดับ 1 โดยผลสำรวจล่าสุดระบุว่า มีคนกังวลเรื่องผู้อพยพร้อยละ 34 ลดลงมาจากร้อยละ 58 ในปี 2015 ขณะที่มีคนกังวลเรื่องความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 22

ที่มา: The Guardian, EU Observer