ไม่พบผลการค้นหา
กมธ. ศึกษาแนวทางแก้ รธน.หวั่นเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น สร้างความขัดแย้ง ฟาก 'ปิยบุตร' แจงเป็นธรรมดาที่มีความเห็นต่าง แต่ถ้าไม่รีบแก้จะยิ่งขัดแย้ง

คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 สภาผู้แทนราษฎร ประชุมครั้งที่ 3 เพื่อพิจารณาแนวทางการประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานกรรมาธิการ สอบถามเจ้าหน้าที่ประจำคณะกรรมาธิการวิสามัญฯว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีงบประมาณสำหรับการดำเนินการต่างๆ เป็นจำนวนเท่าไหร

โดยเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาฯ ทุกคนในสภามีงบประมาณสำหรับการดำเนินการรวมกัน 5 ล้านบาท โดยไม่ได้มีการกำหนดว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญแต่ละคณะจะได้สัดส่วนงบประมาณอย่างไร 

ประชุม กมธ อก้ไข รธน_๒๐๐๑๑๗_0004.jpg

อย่างไรก็ดี นายพีระพันธ์ กล่าวว่า กรรมาธิการมีความเห็นเหมือนกันคือการแก้รัฐธรรมนูญ แต่แค่ต้องไม่ไปชี้นำว่าต้องแก้ไปในทิศทางไหน เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง อย่างไรก็ตามอยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมุ่งเป้าไปที่การเมืองและการปกครองประเทศอย่างเดียว แต่ต้องมุ่งไปที่การเพิ่มโอกาส ให้สิทธิ และความเท่าเทียม ให้ประชาชนรู้สึกว่าได้อะไร เพื่อให้ประชาชนรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของร่วม และอย่างเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น เช่นเดียวกับนายทวี สอดส่อง นำเสนอ

ขณะที่ ทีมโฆษกได้นำเสนอเอกสารที่เป็นแนวทางการรับฟังความคิดเห็นต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ โดยสรุปว่า แผนการประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็น มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ 1.เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอของประชาชนและทุกภาคส่วนของสังคมเกี่ยวกับปัญหา หลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2.เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และ 3.เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์การดำเนินการ รวมทั้งผลการดำเนินการของคณะกรรมาธิการให้ประขาชนรับทราบเป็นระยะๆ 

ส่วนนายรังสิมันต์ โรม โฆษกกรรมาธิการ นำเสนอการประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย 3 วิธีการ คือ Online ผ่านเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย On Air การประชาสัมพันธ์ผ่านทางวิทยุและโทรทัศน์ และOn Ground คือการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นตามภูมิภาคต่างๆ ขณะเดียวกันนายรังสิมันต์ เสนอว่า ให้มีการตั้งอนุกรรมาธิการ 2 ชุด คือ อนุกรรมาธิการประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็น และอนุกรรมาธิการศึกษาการใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และคาดว่าจะได้ผลลัพธ์ในช่วงเดือนเมษายน 

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองประธานกรรมาธิการ การรับฟังความคิดเห็นต้องมีระบบ เปิดเผย และตรวจสอบได้ ไม่ต้องการให้พึ่งโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว เนื่องจากเสียงในโลกออนไลน์ไม่สามารถแทนเสียงของคนไทยทั้งประเทศได้ 

ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล แสดงความคิดเห็นถึงกรรมาธิการบางคนที่กังวลว่า การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจะสร้างความขัดแย้งในสังคม ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มีคนที่เห็นต่างกัน 2 กลุ่มอยู่แล้ว คือ เห็นว่าควรแก้ กับเห็นว่าไม่ควรแก้ ดังนั้นในเวทีรับฟังความคิดเห็นย่อมมีคนที่เห็นต่างกันมาร่วมแสดงความเห็น แต่หากไม่ดำเนินการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่เปิดเวทีรับฟังความเห็น แล้วปล่อยทิ้งไว้ย่อมจะเกิดความขัดแย้งในสังคมในอนาคตมากกว่า 

นอกจากนี้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ เห็นด้วยกับการตั้งอนุกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็น โดยแบ่งออกเป็นการรับฟังความเห็นในประเด็นทั่วไป และประเด็นเฉพาะ แต่อย่างไรก็ตามหากการคุยกันใน กมธ. มีความไม่ลงตัวระหว่าง 2 ฝ่าย อาจจะมีการนัดประชุมนอกสถานที่หรือพูดคุยกันนอกรอบ เพื่อปรับความเข้าใจว่าจุดร่วมคือตรงไหน หรือถอยตรงไหน ให้สามารถเดินต่อไปได้

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุปเรื่องคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญว่าจะต้องมีจำนวนกี่คณะ เนื่องจากติดขัดในเรื่องงบประมาณ ทำให้นายพีระพันธุ์ แจ้งว่าต้องนำเรื่องนี้ไปประสานงานกับประธานสภาฯอีกครั้ง

อ่านเพิ่มเติม