ไม่พบผลการค้นหา
รุ้ง ปนัสยา ร่วมกับแอมเนสตี้ ประเทศไทย สร้างแคมเปญล่ารายชื่อ 2 หมื่นชื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย ให้ยุติการดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรม ปล่อยผู้ถูกสั่งขัง หยุดใช้ความรุนแรงเกินสัดส่วน ออกแนวทางปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจตามหลักการสากล เตรียมเข้ายื่นรายชื่อที่ทำเนียบรัฐบาล 1 พ.ย.

รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมฯ ร่วมกับแอมเนสตี้ ประเทศไทย ได้สร้างแคมเปญเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย "หยุดดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลที่ออกมาใช้สิทธิมนุษยชนอย่างสงบ #ปล่อยเพื่อนเรา" ผ่านเว็บไซต์ https://www.change.org

โดยแคมเปญดังกล่าวระบุว่า ในช่วงมีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยที่เริ่มมาตั้งแต่ ก.ค. 2563 จนถึงวันนี้ (4 ต.ค. 2564) ทางการไทยได้ออกหมายจับ ‘ราษฏร’ ที่เป็นแกนนำและนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยไปแล้วอย่างน้อยจำนวน 1,190 คน ใน 630 คดี โดยในจำนวนนี้เป็นเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี อย่างน้อย 223 คน ใน 142 คดี โดยหลายคนถูกดำเนินคดีในข้อหาร้ายแรง และถูกใช้กฎหมายที่คลุมเครือ ไม่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน จนดูเหมือนว่านักกิจกรรมจะถูกฟ้องปิดปากและถูกคุกคามเพราะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติ ซึ่งถ้าหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริงหลายคนอาจได้รับโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี

ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา มีสัญญาณที่น่าเป็นห่วงว่าทางการไทยอาจจะใช้อำนาจปราบปรามเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบอย่างเข้มข้นมากขึ้น "ราษฎรผู้ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง หรือมีมูลเหตุเกี่ยวข้องกับการเมือง" อย่างน้อย 9 คน ถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวระหว่างรอการพิจารณาคดี โดยศาลได้ปฏิเสธไม่ให้ประกันตัว แม้ว่าทนายความพยายามยื่นขอประกันตัวไปหลายครั้ง

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เพราะศาลได้สั่งให้ฝากขังโดยที่ไม่มีความจำเป็น กระทบต่อเสรีภาพและสุขภาพของราษฎรอย่างร้ายแรง ทั้ง ๆ ที่ภายใต้หลักนิติรัฐ ราษฎรที่ยังรอคำพิพากษาเหล่านี้ล้วนถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์เพราะพวกเขาเป็นเพียง ผู้ต้องหา

ในสถานการณ์ปกติ เรือนจำและสถานคุมขังของไทยขึ้นชื่อในเรื่องของความแออัดอยู่แล้ว พอมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ยิ่งส่งผลให้เชื้อจะแพร่กระจายได้มากกว่าในพื้นที่เปิด มีคนป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก ดังนั้นคำสั่งของศาลอาจถือว่าเป็นการผลักให้ผู้ต้องหาต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับโรคระบาดโควิด-19 

ขอย้ำอีกครั้งว่า สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน การที่รัฐบาลไทยและเจ้าหน้าที่รัฐเอากฎหมายที่คลุมเครือมาจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานนี้เสียเอง จึงขัดกับหลักนิติรัฐ และละเมิดพันธสัญญาของรัฐในการดูแลปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ภายใต้กติการระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย

  1. หยุดดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุม ตามสิทธิมนุษยชนอย่างสงบ
  2. ปล่อยตัวคนที่ถูกจับกุมคุมขังโดยพลการ และไม่กำหนดเงื่อนไขการประกันตัวที่มากเกินไปจนจำกัดการใช้สิทธิมนุษยชนอย่างสงบของพวกเขา
  3. เมื่อมีการร้องเรียนและรายงานว่าเจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังจับกุมบุคคล หรือมีการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่รัฐต่อผู้ชุมนุมอย่างไม่ได้สัดส่วนและเกินความจำเป็น ต้องมีการตรวจสอบและสืบสวนอย่างรวดเร็ว ครบถ้วน เป็นกลาง และโปร่งใส นำตัวบุคคลที่คาดว่าต้องรับผิดชอบเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม
  4. ออกแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เป็นตามหลักมาตรฐานสากล ซึ่งรวมถึงหลักการพื้นฐานของสหประชาชาติว่าด้วยการใช้กำลังและอาวุธสำหรับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย

"ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ประชาชนมีสิทธิเลือกว่าต้องการให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปในทิศทางใด อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนหาใช่เผด็จการศักดินา รุ้งขอให้ประชาชนทุกคนออกมาแสดงพลังร่วมกันผ่านการล่ารายชื่อครั้งนี้ เสียงของพวกเราทุกคนคือพลังอันยิ่งใหญ่ ทุกกลุ่มอำนาจที่มีต้องสยบยอมแก่ข้อเรียกร้องของประชาชน ความหวังของพวกเราอยู่ไม่ไกล ขอเพียงพวกเราเดินหน้าไปพร้อมกัน ส่งเสียงของพวกเราออกมาให้ดัง และเราจะนำเสียงของทุกคนไปยื่นที่ทำเนียบรัฐบาลภายในเดือนตุลาคมนี้ ทุกคนสามารถมีส่วนช่วยเหลือได้ เพียงลงชื่อสนับสนุนแคมเปญ หยุดดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลที่ออกมาใช้สิทธิมนุษยชนอย่างสงบ #ปล่อยเพื่อนเรา "