ไม่พบผลการค้นหา
จังหวัดแพร่ แถลงพบป่วยโควิด-19 แล้ว 1 ราย สืบสวนโรคพบติดมาจากสนามมวยในกรุงเทพฯ ขณะนี้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแพร่ ด้านจังหวัดราชบุรี พบผู้ป่วยโควิด-19 เช่นกัน รายนี้กลับจากเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อ

นางกานต์เปรมปรีย์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้ว นายขจร วินัยพานิช สาธารณสุขจังหวัดแพร่ เชิญสื่อมวลชนใน จ.แพร่ ร่วมเปิดการแถลงข่าวถึงเรื่องพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ว่าจังหวัดแพร่พบเข้าเกณฑ์ 16 รายไม่พบเชื้อโควิด 15 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่อาการดีขึ้น แพทย์ให้กลับบ้านได้

และพบผู้ป่วยที่มีการยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1ราย เป็นเพศชาย อายุ 35 ปี เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลแพร่ในวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ไม่มีไข้ ไอเล็กน้อย ผู้ป่วยยืนยันว่ามีการติดเชื้อจากสนามมวยในการเดินทางไปสนามมวยที่กรุงเทพฯ เมื่อ วันที่ 7-8 มี.ค. 2563 และกลับมาจังหวัดแพร่ เมื่อ วันที่ 9 มี.ค. 2563 มีผู้สัมผัสใกล้ชิด 4ราย ขณะนี้ได้กักตัว 14 วันที่บ้านเรียบร้อยแล้ว

ส่วนที่ผู้ป่วยได้ไปตามสถานที่ต่างๆ เช่น สนามไก่ชน โรงสีบ้านเวียงทอง อ.สูงเม่น และบ้านทุ่งกวาว อ.เมืองแพร่ และอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้สัมผัสอีกหลายราย และสั่งให้ผู้นำท้องถิ่นออกติดตามตัวผู้ที่ร่วมบ่อนดังกล่าวมากักตัวด้วย เพราะเป็นการช่วยเหลือชึ่งกันและกัน และถ้าหากติดตามตัว แล้วทราบเป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยไม่กักกันตัว จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ราชบุรีแถลงพบ 1 ราย ติดโควิด-19 จากทองหล่อ แถมรอยืนยันอีก 4 ติดด้วย

ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดราชบุรี ชั้น 4 อาคารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย พญ.ปาจรีย์ อารีย์รบ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ขณะนี้จังหวัดราชบุรีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID -19) ยืนยันผลทางห้องปฏิบัติการแล้วจำนวน 1 ราย เป็นหญิงวัย 42 ปี ชาวอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จากข้อมูลพบว่าผู้ป่วยเข้าไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านซอยทองหล่อ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมา และได้ตรวจหาเชื้อพบว่าเป็นผลบวก จนเมื่อวันที่ 21 มี.ค. ได้เข้าตรวจยืนยันอีกครั้งว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลบ้านโป่งได้ไปรับตัวมารักษาทันที 

ส่วนสามีผู้ใกล้ชิดได้ปฏิบัติตัวอย่างดีทำตามขั้นตอนการแนะนำของแพทย์ จึงทำให้ผลเลือดเป็นลบ ไม่ติดเชื้อไวรัส แต่ทางโรงพยาบาลยังคงกักตัวไว้เพื่อเฝ้าติดตามเป็นระยะเวลา 14 วันเพื่อให้แน่ชัดว่าไม่ได้รับเชื้อโควิด-19 จากภรรยา

นอกจากนี้ ยังมีการสืบค้นยังพบว่ามีผู้ป่วยความเสี่ยงสูง อีกจำนวน 3 ราย ซึ่งยังต้องรอผลยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ เป็นชาวอำเภอเมืองจำนวน 2 ราย และชาวอำเภอโพธาราม จำนวน 1 ราย และยังพบผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 1 ราย เป็นชาวอำเภอเมืองราชบุรี ต้องรอผลแล็บเพื่อยืนยันอีกครั้ง 

ด้าน นายวิสาข์ กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดราชบุรี หากพบเห็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือผู้ที่กลับมาจากกรุงเทพมหานครและมีอาการไข้ ร่วมกับอาการทางเดินหายใจ เช่น ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หอบ เหนื่อย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ หรือแจ้งที่สายด่วน 1669 หรือ 1422 โดยเร็วที่สุด เพื่อประสานการรับตัวเข้ารับการรักษาพยาบาลต่อไป

สำหรับประชาชนทั่วไป ขอให้สร้างสุขอนามัย ด้วยการล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ให้บ่อยขึ้น หากรู้สึกไม่สบาย ไอ จาม ให้สวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดมีคนหนาแน่นและเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า เป็นต้น

เปิดไทม์ไลน์หญิงราชบุรีจากทองหล่อไปราชบุรี

  • วันที่ 9 มี.ค. 2563 ไปสถานบันเทิงทองหล่อ และพักอยู่ที่คอนโดในกรุงเทพฯ หลังมีอาการไข้ไปพบแพทย์ที่คลีนิคในกรุงเทพฯ รับยาและคำแนะนำการปฏิบัติตัว
  • วันที่ 12 มี.ค. 2563 เริ่มมีอาการเจ็บคอ ไอ
  • วันที่ 13 มี.ค. 2563 มีอาการปวดเมื่อย ไปตรวจรักษาที่คลินิกในกรุงเทพฯ
  • วันที่ 15 มี.ค. 2563 สามีรับกลับมาอยู่บ้านในเขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ปฏิบัติตนและป้องกันตัวตามคำแนะนำแพทย์ อย่างดี
  • วันที่ 16 มี.ค. 2563 เดินทางไปนอนบ้านแม่ที่อำเภออื่นนอกพื้นที่บ้านโป้ง ในจังหวัดราชบุรี
  • วันที่ 17-18 มี.ค. 2563 กลับมานอนที่บ้านโป่ง ช่วงเย็นเวลาประมาณ 18:00 -18:30 น. ไปออกกำลังกายที่ถนน ร.9 กับสามี
  • วันที่ 19-20 มี.ค. 2563 นอนพักรักษาตัวที่บ้านไม่ออกไปไหน โดยมีสามีเป็นผู้คอยดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างดี
  • วันที่ 21 มี.ค. 2563 ได้รับแจ้งผลตรวจโควิดเป็น "บวก" โรงพยาบาลบ้านโป่ง จึงเข้าไปรับตัวมาทำการรักษาทั้งสามีและภรรยาสืบสวนสอบสวนโรค และตรวจซ้ำเพื่อยืนยันผล สรุปผลตรวจ เวลา 21:00 น. สามีผลเป็นลบไม่ติดโควิด-19 ภรรยา ผลบวก เป็นโควิด-19

โดยอาการคนไข้นั้นไม่รุนแรง เหมือนเป็นไข้หวัด ไม่ต้องอยู่ห้องฉุกเฉิน และก่อนมาโรงพยาบาล มีการระมัดระวังและป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้แพร่เชื้อตามที่แพทย์สั่งเป็นอย่างดี