เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. วันที่ 3 ก.ค. 2565 ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เสาชิงช้า คณะหลอมรวมประชาชนมีการจัดกิจกรรมพร้อมเวทีปราศรัยภายใต้ชื่อ "ทวงคืนพลังงานให้ประชาชน" พร้อมทั้งมีการแสดงดนตรี โดยมีศิลปินรับเชิญหลายวง รวมทั้ง วงคาราวาน มาร่วมขับกล่อมดนตรี ให้ผู้มาร่วมงานได้รับฟังด้วย

โดยก่อนเริ่มกิจกรรม จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ระบุถึงการจัดเวทีปราศรัยและเวทีสาธารณะว่า กิจกรรมในเวลา 18.00 น. จะมีการประกาศเจตนารมณ์ของคณะถึงข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลและประชาชนในฐานะเจ้าของประเทศ ตนเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ที่ประชาชนเดือดร้อน ภายใต้การเอารัดเอาเปรียบของกลุ่มทุนที่สมคบคิดกับรัฐบาลได้ ประเด็นที่ห่วงใยกันนั้น ในพื้นฐานเคารพหลักประชาธิปไตย ใครทำอะไรก็รับผิดชอบ โดยถ้าประชาชนไม่หลอมรวมกันก่อน จะไม่มีวันต่อสู้กับรัฐบาลและกลุ่มทุนที่ฉ้อฉล วันนี้ประชาชนถูกปั่นจนแบ่งแยก ดังนั้น ประเทศไทยต้องมาก่อน เรื่องของประเทศใหญ่ที่สุด

จตุพร กล่าวว่า แม้ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ไม่มาก็ต้องฟังการถ่ายทอดสด ดังนั้น สุพัฒนพงษ์ย่อมรู้มากกว่านายกฯ จะมาหรือไม่มา จะแสดงตัวหรือไม่แสดงตัวอย่างไรก็รับฟัง เชื่อว่าสุพัฒนพงษ์รู้ว้าความฉ้อฉลเกิดจากกลุ่มพลังงาน เมื่อคุณไม่สามารถทำได้ก็เป็นหน้าที่ของประชาชน การอ้างสงครามยูเครน-รัสเซีย เพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น โดยวันนี้เรื่องใหญ่ที่สุดคือการทวงคืนพลังงานและประชาชนต้องนำพลังงานมาเป็นของประชาชน เชื่อว่ารัฐบาลอยู่แสนสาหัสแต่ร่างกายพลุนหมดแล้วอยู่ในระยะสุดท้าย เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ไขได้ เป็นเบี้ยล่างของกลุ่มทุนเท่านั้น และอาจเหนือกว่าองค์รัฏฐาธิปัตย์ด้วย

จตุพร กล่าวเสริมว่า เรื่องนี้ไม่มีวันจะชนะ และสร้างความผาสุกให้กับประเทศได้ ถ้าประชาชนแตกแยก คนไทยถูกปล้น เอารัดเอาเปรียบอย่างน่าละอายที่สุด ถ้าประชาชนมีความแบ่งแยกกันอยู่ ตนเห็นภัยในข้อนี้ แต่ประเทศไทยต้องมาก่อน เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด 

ด้าน นิติธร ล้ำเหลือ กล่าวว่า การจัดงานวันนี้ก็เพื่อเชิญทุกฝ่ายมาสามัคคีโดยหลอมรวมประชาชนทุกสี จากนั้นจะมีการพูดถึงวิกฤตพลังงานและทวงคืนพลังงานให้กับประชาชน โดยกิจกรรมวันนี้จะให้ประชาชนแสดงตัวมาร่วมกันมองปัญหาประเทศ การรวมตัวของประชาชนจะแก้ปัญหาได้โดยจะมีการปราศรัย โดยข้อเรียกร้องต่างๆ จะประกาศแจ้งเจตนารมณ์ร่วมกัน ยืนย้นพวกตนมาด้วยความสามัคคีและเรื่องพลังงานเท่านั้น ส่วนการยื่นหนังสือก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องของรัฐบาล ตอนนี้เป็นเรื่องของประชาชนและทีมงาน ส่วนรัฐบาลจะทำหรือไม่ทำไม่ใช่ความสนใจของตนแล้ว

ขณะที่ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกล่าวเสวนาถึงการแก้ไขปัญหาพลังงานว่า สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำทันทีคือ อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้อำนาจในการบีบ กำหนดเพดานกำไรสำหรับการกลั่นต้องไม่เกินกว่ากี่บาทต่อลิตร ต้องกำหนดไปเลย ทั้งหมดอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ทำ 

'จตุพร' ประกาศฟื้นสามัคคีในชาติ ฉะกลุ่มพิเศษอยู่เหนือการตรวจสอบ ปลุกร่วมชุมนุม

เวลา 18.30 น. วันที่ 3 ก.ค. 2565 ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เสาชิงช้า คณะหลอมรวมประชาชนมีการจัดกิจกรรมพร้อมเวทีปราศรัยภายใต้ชื่อ "ทวงคืนพลังงานให้ประชาชน" พร้อมทั้งมีการแสดงดนตรี โดยมีศิลปินรับเชิญหลายวง รวมทั้ง วงคาราวาน มาร่วมขับกล่อมดนตรี ให้ผู้มาร่วมงานได้รับฟังด้วยจตุพรพร้อมคณะได้ประกาศเจตนารมณ์ว่า คณะหลอมรวมประชาชน ประเทศไทยต้องมาก่อน่ คณะหลอมรวมประชาชนเกิดจากประชาชนที่มีความห่วงใยสถานการณ์ความมั่นคงทุกมิติของประเทศไทย ภาวะเศรษฐกิจที่กระทบการดำรงชีพของประชาชนอย่างรุนแรง นับจากช่วงเวลาที่ผ่านมาจะมีความรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ และไม่รู้เวลาจุดฟื้นตัวทั้งภาคประชาชนที่ถูกปฏิบัติทางจิตวิทยามวลชนทั้งนักการเมือง กลุ่มทุุน ทหาร ต่างชาติ สร้างความขัดแย้งแตกแยกเป็นกลุ่มต่างๆ

"ความขัดแย้งแตกแยกขยายเป็นความเกลียดชังและเผชิญหน้ากันเอง แม้มองเห็นปัญหาเหมือนกัน รับรู้ว่าการแก้ไขปัญหาทุกปัญหา ประชาชนต้องเป็นผู้แก้ปัญหาเองบนพื้นฐานสามัคคีทั่วประเทศ จึงจะแก้ไขวิกฤตได้รวดเร็ว ประการสำคัญไม่สามารถพึ่งพาโครงสร้างบริหารประเทศ โครงสร้างเศรษฐกิจ ข้าราชการ ความมั่นคงที่ฝากไว้กับทหาร โครงสร้างความปลอดภัยกับตำรวจได้อีกต่อไป"

โครงสร้างเดิมสร้างกลุ่มคนพิเศษ ผูกขาดทางเศรษฐกิจกำหนดชะตาชีวิตประชาชน มีการอ้างอิงสถาบันหลักประเทศ เพื่อสร้างอำนาจเหนือการตรวจสอบ ไม่มีการปฏิรูปประเทศเพื่อประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน นำประเทศและประชาชนมาถึงวิกฤตอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนแผ่นดินนี้

คณะหลอมรวมประชาชนจึงจัดกิจกรรมเพื่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่ประชาชนนำพลังปัญญาจิตวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อฟื้นคุณธรรมแผ่นดินคืนความยุติธรรมเท่าเทียมทุกมิติให้แก่ประชาชนทุกคนโดยยึดถือร่วมกันเป็นจิตวิญญาณของประชาชนไทยทุกคน คณะขอประกาศว่า 1.บรรดากิจกรรมต่างๆเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อาศัยมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยย 

2.กิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเป็นการทำหน้าที่ของประชาชนเพื่อให้เกิดหลักนิติธรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวมประชาชน

3.กิจกรรมต่างๆจะดำเนินไปต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูสามัคคีในชาติ เพื่อขจัดภัยกดขี่ประเทศชาติรวมทั้งกลุ่มการเมืองกลุ่มทุนทหาร ตำรวจ ข้าราชการกลุ่มอิทธิพลที่่ร่วมกันขายชาติ กอบโกยทุจิรตคอร์รัปชัน กระทำตัวเหนือกฎหมายหากำไรอย่างไม่เป็นธรรม สร้างภาระแก่ประชาชนจนกว่าะบรรลุภารกิจ

4.ต้องคืนความเป็นเจ้าของให้ประชาชน มีการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน

5.คณะจะดำเนินการทุกวิถีทางตามหลักนิติธรรม เพื่อสร้างอิสรภาพความมั่นคงยั่งยืนในทุกมิติต่อประเทศชาติและสร้างความผาสุกร่วมกัน

จตุพรกล่าวว่า บ่นว่าของแพงอยู่ที่บ้านเราไม่มีวันหลุดพ้นได้ถ้าประชาชนไม่หลอมรวมต่อสู้กันเอง หมาที่ไหนก็ไม่ช่วย นอกจากพวกเราร่วมมือกันเอง ดังนั้น ขอแรงพี่น้อง บรรยากาศเป็นไปโดยความอบอุ่น วันนี้ประเทศไทยต้องมาก่อน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเริ่มกิจกรรม สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ได้ตั้งโต๊ะเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามผลักดันยกเลิกมาตรา 112 โดยมี นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์ กลุ่มคนรุ่นใหม่นนทบุรี ร่วมด้วย

ขณะเดียวกัน กัลป์ยมน สุนันท์รัตน์ จากกลุ่ม “นาฏศิลป์ปฏิวัติ” เดินทางมายังลานคนเมือง ชูป้าย “ปล่อยนักโทษการเมือง ยกเลิก 112” ทำให้ผู้จัดกิจกรรมได้้กล่าวบนเวทีว่า กิจกรรมวันนี้เกี่ยวข้องกับพลังงาน ขออย่ายกป้ายข้อความอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ทางกฎหมายจัดการกันเอาเอง ขณะที่ มิ้นท์ กล่าวว่า มีเยาวชนถูกควบคุมตัวในเรือนจำ อดอาหาร ร่างกายจะไม่ไหวแล้ว ประเทศนี้พูดได้ทุกเรื่อง ทำไมพูดเรื่องนี้ไม่ได้ จากนั้นชู 3 นิ้ว ยืนยันจุดยืน ประชาชนจำนวนหนึ่งปรบมือและร่วมชู 3 นิ้ว

ด้าน นิติธร ให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของประชาชน แต่จุดยืนของคณะหลอมรวมประชาชนคือต้องการความสามัคคี รวมทุกสีเสื้อเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตพลังงาน ดังนั้น ใครออกมาประเด็นใด ไม่ใช่ความรับผิดชอบของคณะผู้จัด ซึ่งตนไม่เกี่ยวข้อง