สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับตำรวจสันติบาล พร้อมด้วย อภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือเสี่ยโป้ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีโครงการเสื้อสีชมพู หลังจากที่ สันธนะได้ไปร้องเรียนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของดารานักแสดงที่มาขอรับบริจาคเงิน 2 ล้านบาท จากเสี่ยโป้ ซึ่งภายหลัง บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้ออกมาชี้แจงต่อกรณีดังกล่าว เพราะเป็นบุคคลที่ถูกพาดพิง
โดยก่อนเริ่มการแถลงข่าว ได้มีการต่อสายโทรศัพท์ไปยัง บิณฑ์ เนื่องจากได้เชิญชวนให้มาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย แต่ไม่มีการรับสาย และได้โชว์บันทึกการโทร ซึ่งปรากฎในบันทึกวันที่ 25 พ.ย. พบว่า มีสายโทรออกและโทรกลับเข้ามา
โดยอภิรักษ์ เล่าว่า ได้มีการนัดเจอบิณฑ์ ก่อนมีการรับเสด็จ และพูดเรื่องเงิน 20 ล้านบาทจริง เพื่อขอให้พาคนที่อยากมาร่วมรับเสด็จจริง ๆ แต่ไม่มีค่ารถ ไม่มีทุนทรัพย์ ให้มาเอาเงินกับตน เพราะตนอยากให้คนพวกนี้มาจริงๆ แต่พอผ่านวันรับเสด็จ ก็ไม่ได้ให้เงินก้อนนั้นก็จบไป
และผ่านไปครึ่งเดือน บิณฑ์โทรมาบอกว่าต้องการนัดเจอ และคุยกันเรื่องเสื้อสีชมพู โดยบิณฑ์ ได้พาคนที่นิรันดรมาด้วย และบิณฑ์ บอกว่า ขอเงินบริจาค 10 ล้านบาทซื้อเสื้อชมพู และไม่อยากให้ใส่เสื้อเหลือง เพราะเป็นสีการเมืองไปแล้ว เลยอยากให้เป็นเสื้อชมพู เพราะเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของสถาบัน ดังนั้นเมื่อตนเองเห็นว่าอุดมการณ์ตนกันเรื่องเงิน 10 ล้าน ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เนื่องจากตนเองโดนคดี เงินก็อาจจะขัดข้อง โดยเมื่อเงินจากต่างประเทศโอนมาไม่ได้ จึงโทรไปยืมเงินซ้อ และได้แค่ 2 ล้านบาท และวันที่จะโอนเงิน ตนไปเที่ยวจังหวัดกระบี่ เมื่อบิณฑ์บอกว่าต้องโอนภายในวันนั้นไม่เช่นนั้นจะเสียเครดิต และได้ให้ลูกน้องโทรไปที่ซ้อ ปรากฏซ้อให้โทรหาสันธนะ เพื่อให้สันธนะจัดการ จากนั้นก็สันธนะ ก็รับเรื่องไปจัดการ
อภิรักษ์ ยืนยันด้วยว่า อุดมการณ์เดียวกันคือ การทำบุญ ช่วยเหลือ แต่ถ้านอกจากนี้มีอะไรแอบแฝง ไม่ใช่ตนเองแน่นอน และยืนยันว่า การบริจาคเป็นการเสียเงินไม่มีเป็นการฟอกเงินใด ๆ และตนเองต้องการทำตามอุดมการณ์ และไม่เคยเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาแอบอ้างหากิน พร้อมขอว่า อย่าเอาตนเองเอาไปแอบอ้าง เรื่องเงินบริจาค เพราะตนเองไม่มีทางเอาเงินบริจาคมากินมาเที่ยวแน่นอน ทั้งนี้ยังเชื่อ ว่า ขออย่าเป็นการแอบอ้างเลย เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยโอนไปช่วยน้ำท่วม 1 ล้านบาท พร้อมทั้งฝากบอก บิณฑ์ ถ้าไม่ผิดปกติอะไรก็ยอมให้ตรวจสอบ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหา เพราะขณะนี้ มีเอกสารยืนยันที่ครบถ้วน และยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีปัญหากับใครและเคารพทุกคน
ขณะที่สันธนะ เล่าว่า หลังจากเข้ามารับผิดชอบเรื่องนี้ ก็พยายามโทรติดต่อบิณฑ์ เพื่อคุยเรื่องเงิน 2 ล้านบาท และในรายละเอียดที่พูดคุยกัน มีการอ้างถึง รพ.ศิริราช บิณฑ์ไม่สามารถชี้แจงได้ชัดเจน ตนเองจึงยังไม่ขอโอน และจะขอตรวจสอบก่อน ซึ่งในขณะนั้นตนเองรู้สึกเหมือนเสี่ยโป้ไปติดหนี้ เพราะจากน้ำเสียงที่บิณฑ์พูดว่า เสี่ยโป้ได้รับปากผู้ใหญ่ไว้แล้ว
จากนั้นตนเองตรวจสอบไปยังรพ.ศิริราช ได้รับเอกสารชี้แจงว่า มีการจัดทำโครงการนี้จริงแต่รายละเอียดในหนังสือ บิณฑ์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ หากจะมีการบริจาคสามารถโอนเงินผ่านบัญชีศิริราชมูลนิธิได้โดยตรงและจากการสอบถามกับการเจรจากับคนกลางที่อ้างว่าชื่อ นิรันดร ก็พบว่า นิรันดร มีการแอบอ้างว่า ได้รับอนุญาตตราสัญลักษณ์แต่เพียงผู้เดียว และโครงการเสื้อสีชมพู ของ รพ.ศิริราชเป็นผู้จัดทำ 240,000 ตัว ไม่ใช่ 300,000 ตัวตามที่มีการกล่าวอ้างเพื่อขอรับบริจาคด้วย โดยในวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค) เวลา 10.30 น. สันธนะจะเดินทางไปกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับบิณฑ์ และขอให้บิณฑ์เดินทางไปด้วยเช่นกัน
สันธนะ ยืนยันว่า การออกมาเคลื่อนไหว ไม่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง และไม่ได้จะมาแข่งขันเรื่องความจงรักภักดีกับใคร เพราะตนเคยรับราชการ ทุกอย่างอยู่ในใจ และการชุมนุมทางการเมือง ก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะเอามาโจมตีใครเช่นกัน รวมถึงไม่เคยโกรธเคืองกันกับนายบิณฑ์และไม่มีประเด็นทางการเมืองต่อกัน แต่กรณีที่เกิดขึ้นมีความหมิ่นเหม่ กับการแอบอ้างเรื่องการผูกขาดตราสัญลักษณ์ได้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :