ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งโดนอุ้มหาย-อุ้มฆ่าในประเทศกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2563 และ กัญญา ธีรวุฒิ แม่ของ สยาม ธีรวุฒิ หรือ 'สหายข้าวเหนียวมะม่วง' นักกิจกรรมและผู้ลี้ภัยทางการเมือง ที่หายตัวไปอย่างคลุมเครือตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2562 หลังมีข่าวถูกจับกุมตัวที่ประเทศเวียดนามอ้างว่าถูกส่งตัวกลับประเทศไทยแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบชะตากรรม 

เดินทางเข้ายื่นหนังสือทวงถามความหน้าคดีกับ พ.ต.ท. กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดี DSI พร้อมด้วย ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมครบรอบ 1 ปีการหายตัวไปของ 'วันเฉลิม' และ 2 ปีการหายตัวไปของ 'สยาม'

พ.ต.ท. กรวัชร์ ให้สัมภาษณ์หลังรับหนังสือทวงถามความคืบหน้าคดี ระบุว่า กรณีคนไทยโดนอุ้มหายหรืออุ้มฆ่าในต่างประเทศเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต้องประสานงานผ่านกระทรวงต่างประเทศตามขั้นตอน และมีอัยการสูงสุดเป็นผู้ดูแลคดีลักษณะนี้ ส่วนความคืบหน้าล่าสุดนั้นยังอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารและข้อมูลต่างๆ และยังไม่สามารถสรุปได้อย่างเป็นทางการว่า วันเฉลิมและสยาม ลี้ภัยหรือโดนอุ้มหายอุ้มฆ่าที่ประเทศเพื่อนบ้านจริงหรือไม่ แม้ปรากฏคลิปภาพทาง social media อย่างชัดเจนในกรณีของนายวันเฉลิมก็ตาม 

ความอำมหิตของรัฐมาเฟีย

สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ที่เดินทางมาทวงถามความคืบหน้าที่ DSI ด้วยกล่าวว่า ความล่าช้าของการดำเนินคดีอุ้มหายอุ้มฆ่าเป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง และกรณีของนายวันเฉลิมและนายสยามเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรง เพราะลี้ภัยทางการเมืองหลังการรัฐประหาร 2557 โดยมองว่าทุกคดีที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมากกว่า 80 คนที่ถูกอุ้มหายอุ้มฆ่า 

โดยเฉพาะในรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย คดีลักษณะนี้จะเงียบหาย สร้างความทุกข์ทรมานให้กับญาติหรือครอบครัวเหยื่อที่จะต้องมาลุ้นว่าญาติของตัวเองยังมีชีวิตอยู่หรือไม่หรือ และยิ่งตอกย้ำถึงความอำมหิตของ 'รัฐบาลประยุทธ์' ว่าเป็นรัฐบาลมาเฟียหรือรัฐบาลอันธพาล ซึ่งไม่มีหลักประกันให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้เห็นต่างจากผู้มีอำนาจว่าจะมีความปลอดภัย 

สำหรับกิจกรรม 1 ปีการหายตัวไปของวันเฉลิมฯ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ร่วมกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ร่วมกันจัดขึ้น โดยนอกจากทวงถามความคืบหน้าคดีกับ DSI แล้วในช่วงบ่าย ทั้งคณะจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือทวงถามความหน้าคดีกับอัยการสูงสุดด้วย 

ก่อนที่ช่วงค่ำจะมีการเสวนาออนไลน์ “ถอดบทเรียนสังคมไทย: 1 ปีกับการอุ้มหายวันเฉลิม” ผ่าน Facebook Fanpage: Cross Cultural Foundation โดยมีตัวแทนคนรุ่นใหม่ ญาติเหยื่ออุ้มหาย นักสิทธิมนุษยชน ทนายความและตัวแทนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมการเสวนา