ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ "หมู่อาร์ม" เสมียนงบประมาณของหน่วยงานในกรมสรรพาวุธทหารบก เดินทางมาที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้าคำร้องขอคุ้มครองพยานโอนย้ายหน่วยงานตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 133 

โดยมีประชาชนและนิสิตนักศึกษาราว 15 คนเดินทางมาให้กำลังใจด้วย รวมถึงน.ส.ณัฏฐา มหัทธนา ผู้ประสานงานการรณรงค์ในนาม "ประชาชนเพื่อการปฏิรูปกองทัพ" นำรายชื่อ ประชาชนกว่า 7,000 คน จาก "www.change.org/saveหมู่อาร์ม" ซึ่งแคมเปญรณรงค์ เรียกร้อง ป.ป.ช. ให้คุ้มครองพยาน ด้วยการย้ายให้ "หมู่อาร์ม" ไปสังกัดยังหน่วยงานอื่น ตามคำร้องที่เคยยื่นไว้ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. อย่างเร่งด่วนที่สุด มามอบให้ ป.ป.ช.ด้วย

• น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา - ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี

ด้าน ส.อ.ณรงค์ชัย ระบุว่า สายตรง ผบ.ทบ.นั้น ไม่มีระเบียบข้อไหนคุ้มครองพยาน ดังนั้นทหารชั้นผู้น้อยจึงมีความสุ่มเสี่ยงที่จะไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งตลอด 2 เดือนที่ออกมาเปิดโปงและร้องเรียนการทุจริต ตนโดนข่มขู่คุกคามตลอดมา แต่สิ่งที่กังวลคือ การประกันตัวต่อสู้คดี เพราะไม่มีเจตนาที่จะหลบหนีทหาร และเชื่อว่า การคุ้มครองพยานจะทำให้คนไทยตระหนักและไม่เกรงกลัวต่อการทุจริต เพราะมีช่องทางนี้เป็นทางออก โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้ง รวมถึงยังเติบโตในหน้าที่การงานด้วย 

ส.อ.ณรงค์ชัย ยืนยันว่า ถ้าตนไม่เดือดร้อนจริงจะไม่มาด้วยตัวเองและไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงอันตราย และเห็นว่า การคุ้มครองพยาน เปรียบเทียบได้กับสถานพยาบาล ที่ต้องพิจารณาคนไข้ในกรณีเร่งด่วนก่อน เพราะหากพิจารณาหรือรักษาตามลำดับจะแย่ จึงเห็นว่า ป.ป.ช.ควรจัดลำดับความสำคัญเรื่องนี้ด้วย และขอสงวนสิทธิที่จะถูกทางกองทัพลงโทษหรือดำเนินคดีหลังจากวันที่ 18 มี.ค. เป็นต้นมา เพราะเป็นผลเกี่ยวเนื่องกัน 

ขณะที่ น.ส.ณัฏฐา กล่าวว่า แม้มีความชัดเจนเรื่องการทุจริตที่กรรมการสอบสวนของกองทัพ เตรียมส่งเรื่องนายทหาร 3 คนที่ทุจริตมาให้ ป.ป.ช.แล้ว แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้ คือ ป.ป.ช.ต้องให้ความคุ้มครองตามกฎหมายได้ทันเวลา เพราะ "หมู่อาร์ม" กำลังจะถูกปลดและดำเนินคดีข้อหาขาดราชการเกิน 15 วัน และย้ำว่าคุ้มครองพยานนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการปฏิรูปกองทัพ

น.ส.ณัฏญา ยังเรียกร้องถึง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ให้ชะลอคำสั่งเอาผิดหมู่อาร์มไว้ก่อน โดยขอให้รับฟังเหตุผลว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะหนีราชการเลย เพราะวันแรกที่นำเรื่องออกมาจากหน่วยงาน ก็มายื่น ป.ป.ช. วันที่ 17 มี.ค.นั้น ได้ขอคุ้มครองพยานไว้แล้ว ซึ่งถ้าได้รับความเป็นธรรมและดำเนินการอย่างทันท่วงที จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ต้องนับเวลาจนถึง 15 วัน แล้วมาตั้งข้อหาหนีทหาร ซึ่งคนแบบนี้เป็นคนที่กองทัพควรจะอยากรักษาไว้ ไม่ใช่สั่งปลด

ด้าน นายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการ สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. มารับหนังสือ พร้อมรับปากว่าจะดำเนินการตามขั้นตอน และเรื่องของ "หมู่อาร์ม" ได้เลื่อนลำดับขึ้นมาดำเนินการก่อนเรื่องอื่นๆแล้ว แม้มีเรื่องร้องเรียนจำนวนมากในลำดับก่อนหน้า โดยการคุ้มครองพยาน ต้องได้มติจากกรรมการ ป.ป.ช. แต่หากกรณีความจำเป็นเร่งด่วน อาจมีมติให้ใช้คำสั่งเลขาธิการ ป.ป.ช.ในการคุ้มครองเบื้องต้นได้