เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ส.ค. 2564 ที่รัฐสภา ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ..... แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ในวาระที่ 2 เสนอโดยไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ประธานกรรมาธิการฯ
โดยมาตรา 3 แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 2560 ในมาตรา 83 ให้มีจำนวน ส.ส.500 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ
ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แปรญัตติโดยไม่เห็นด้วยกับการให้มี ส.ส.เขต 400 คน บัญชีรายชื่อ 100 คน แต่ควรให้มี ส.ส.เขต 350 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน เช่นเดิม เพราะการให้มี ส.ส.เขตมาก เป็นการมองเพียงระดับพื้นที่ แต่ไม่มองถึงภาพรวมในกลุ่มอื่น เช่น กลุ่มชาติพันธุ์ แม่ค้า แรงงาน ความหลากหลายทางเพศ ฯลฯ ที่อาจไม่มีโอกาสเข้ามาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งนี้ จำนวน ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อที่ไม่ห่างกันมากจะสร้างควมมสมดุลย์ระหว่างกัน หากพรรคการเมืองสะท้อนความเป็นพื้นที่และความหลากหลาย สภาจะมีภาพพจน์ความเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง ส.ส.ไม่ต้องรวมกันด้วยผลประโยชน์ และไม่ต้องใช้คดีความมากดทับ ส.ส.ด้วย
นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับสัดส่วนจำนวน ส.ส. เพราะเราใช้สัดส่วน 400 ต่อ 100 มาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จึงเสนอให้จัดสัดส่วนใหม่ เป็น 375 ต่อ 125 และถ้าหากเป็นไปได้ อยากเสนอให้ล้มร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ แล้วค่อยเสนอกลับมาใหม่ ให้เป็นร่างที่สมบูรณ์มากกว่านี้ ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชนจริงๆ เราไม่ควรมองเพียงประโยชน์ของพรรคการเมืองเอง แต่ควรคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดแก่ประชาชน
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านพรรค เพื่อไทย กรรมาธิการฯ กล่าวว่า ในระบบการเลือกตั้งที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ถ้ามีการเลือกตั้งซ่อมภายในหนึ่ง 1 ปี หลังประกาศผลเลือกตั้งทั่วไป กำหนดให้มีการนำคะแนนมาคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ได้ ทำให้ ส.ส.บางท่านต้องออกจากสภาแห่งนี้ไป เพราะคะแนนปัดเศษของท่านน้อยกว่าคะแนนของผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาใหม่ ซึ่งจะทำให้ กกต.ทำงานอย่างลำบากมาก ดังนั้น ระบบการเลือกตั้ง จะต้องเขียนอย่างชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหา
เสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. อภิปรายว่า ต้องการเน้นย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องให้ความสำคัญไปที่ราษฎร ซึ่งเป็นผู้เลือกตั้ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้มีคำถามมาก ว่าประชาชนได้อะไร และดูเหมือนจะไม่ได้อะไรเท่าไหร่เลย เพราะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ได้บัตร 2 ใบ เป็นไปตามที่ฝ่ายการเมืองต้องการ แต่เราต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
เสรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาการเลือกตั้งมีปัญหาสร้างความแตกแยกให้ประชาชน สร้างความเหลื่อมล้ำ สร้างมาตรการที่ไม่มีตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง ตนจึงเสนอว่าถ้าเราจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประชาชนได้ประโยชน์ จะต้องใช้เขตเลือกตั้งเป็นเขตใหญ่ มี ส.ส.หลายคน ไม่ใช่เขตเดียวคนเดียว เพราะเขตเดียวคนเดียว หรือเขตเล็กนั้น ก่อให้เกิดการชื่อเสียงง่าย หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ต้องให้ประชาชนได้มีตัวแทนอย่างทั่วถึงและกว้างขวาง มีตัวแทนของแต่ละกลุ่มคน
ขณะที่ ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงว่า สำหรับคำถามว่าไม่ต้องย้อนกลับไปเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 เพราะเราต้องการเริ่มต้นจากรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน และได้มีการใช้มาแล้วทั้งในรัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 ระบบการเลือกตั้งที่ดีคือระบบการเลือกตั้งที่ไม่มีความสลับซับซ้อน ไม่นำไปสู่การมี ส.ส.แบบปัดเศษ นำไปสู่การนับคะแนนตัดบัตรเขย่ง นำไปสู่การมีรัฐบาลผสม ที่มีพรรคเล็กพรรคน้อยจำนวนมาก ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลใหม่เข้มแข็งพอ
ชินวรณ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งโดยมี ส.ส.เขต จำนวน 400 เขต ไม่ได้หมายความว่าผลักดันให้ ส.ส.ไปทำงานระดับท้องถิ่น แต่ถือเป็นการทำงานระดับชาติด้วยกันทั้งสิ้น แต่การขยายเป็น 400 เขต ถือเป็นการเปิดกว้างให้ทุกเขตมีโอกาสเลือกคนที่ดีของเขาเข้ามาได้
“อยากให้มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการเปลี่ยนบริบททางการเมือง เพื่อไม่ให้การเมืองกลับไปสู่วังวนเดิม ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวันนี้ การเลือกนายกรัฐมนตรีก็จะเข้าไปสู่ระบบของการเลือกตั้งในระบบบัตร 2 ใบถือเป็นการถอดสลักทางการเมือง”
เวลา 14.50 น. ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาลงมติเห็นด้วยให้แก้ไขมาตรา 83 ตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก ด้วยคะแนน 476 เสียง ไม่เห็นด้วย 70 เสียง งดออกเสียง 91 เสียง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง