ไม่พบผลการค้นหา
เยอรมนีตัดสินใจส่งรถถังเพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านการทหารแก่ยูเครน หลังจากการพิจารณามาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเป็นอีกชาติที่จะส่งรถถังเพิ่มเติมไปให้แก่ยูเครน ภายหลังจากการประกาศของเยอรมนี ในการให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนเพื่อต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย

สหรัฐฯ ประกาศว่าตัวเองจะส่งรถถัง M1 Abrams จำนวน 31 คันไปยังสนามรบที่ยูเครน ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เยอรมนีประกาศว่า ตัวเองจะส่งรถถัง Leopard 2 จำนวน 14 คันไปให้แก่ยูเครน หลังจากการพิจารณาและเปลี่ยนใจไปมาอย่างยาวนาน

นอกจากนี้ เยอรมนียังเปิดทางให้ชาติยุโรปอื่นๆ สามารถส่งรถถังของตัวเองที่ผลิตโดยเยอรมนีที่มีในคลังแสงได้ โดยก่อนหน้านี้ โปแลนด์เป็นชาติที่ประกาศว่า ตัวเองจะส่งรถถังไปช่วยยูเครน แม้ในขณะนั้นเยอรมนีจะยังคงมีท่าทีที่อาจจะไม่ส่งรถถังไปช่วยรบในสมรภูมิ หลังจากที่ยูเครนร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าวมานานนับเดือน

การประกาศส่งรถถังช่วยยูเครนของเยอรมนีและสหรัฐฯ ในครั้งนี้ นับเป็นเหตุการณ์สำคัญอย่างยิ่ง และเป็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้กองทัพยูเครนฟื้นแรงผลักดัน และเข้ายึดคืนดินแดนที่ถูกยึดครองได้เกือบปีหลังจากที่รัสเซียเข้ารุกราน นอกจากนี้ รถถังจากพันธมิตรยังจะสามารถช่วยยับยั้งการรุกรานของรัสเซีย ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้นับเป็น “ก้าวสำคัญบนเส้นทางสู่ชัยชนะ” ในมุมมองของ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ที่กล่าวอีกว่า “วันนี้โลกเสรีรวมเป็นหนึ่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อเป้าหมายร่วมกัน การปลดปล่อยยูเครน”

ในทางตรงกันข้าม รัสเซียได้ออกมาประณามการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่าเป็น “การยั่วยุอย่างโจ่งแจ้ง” และย้ำว่ารถถังที่ยูเครนได้รับการจัดหามาจะถูกทำลายโดยรัสเซีย ทั้งนี้ โฆษกของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า “รถถังเหล่านี้ถูกเผาไหม้เช่นเดียวกับส่วนที่เหลือทั้งหมด พวกมันมีราคาแพงมาก”

“ปูตินหวังจะทำให้ปณิธานของเรา ยุโรปและสหรัฐฯ อ่อนแอลง” โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวขณะการประกาศมอบรถถังแก่ยูเครนที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธ (25 ม.ค.) “เขาผิดตั้งแต่ต้น และเขาก็ยังผิดต่อไป เรายังให้ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่ยูเครน ต่อการประคับประคองรถถังเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพในการรบ” ไบเดนย้ำ “นี่คือการช่วยเหลือยูเครนในการปกป้องและคุ้มครองดินแดนยูเครน มันไม่ใช่ภัยคุกคามต่อรัสเซีย”

ทั้งนี้ กองพันรถถังของยูเครนโดยทั่วไปประกอบไปด้วยรถถัง 31 คัน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมสหรัฐฯ ถึงจัดส่งรถถังในจำนวนดังกล่าวตามข้อตกลงแก่ยูเครน อย่างไรก็ดี การตัดสินใจของสหรัฐฯ นับเป็นการพลิกกลับในจุดยืนเดิมของตัวเอง เนื่องจากฝ่ายบริหารของรัฐบาลไบเดนยืนกรานมาระยะหนึ่งแล้วว่า รถถังหนัก M1 Abrams นั้นส่งมอบได้ยาก มีราคาแพงในการบำรุงรักษา และมีความท้าทายสำหรับกองทหารยูเครนในการปฏิบัติงาน

ยานเกราะทางทหารที่ผลิตในสหรัฐฯ ดังกล่าว เป็นหนึ่งในรถถังประจัญบานที่ทันสมัยที่สุดในโลก และผู้ใช้ต้องการการฝึกอย่างเข้มข้นเพื่อใช้งาน โดยชุดความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ แก่ยูเครนมูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท) ยังรวมถึงรถกู้ 8 คันที่สามารถลากรถถังได้หากมันติดค้าง ทั้งนี้ เป็นไปได้ว่าสหรัฐฯ ต้องใช้เวลาหลายเดือน ก่อนที่รถถังจะถูกส่งเข้าสู่สนามรบในยูเครน เนื่องจากรถถังเหล่านี้จะถูกซื้อจากผู้รับเหมาเอกชน และไม่ได้ถูกส่งมาจากคลังอาวุธที่มีอยู่

ในอีกทางหนึ่ง รถถัง Leopard 2 ที่ผลิตในเยอรมันจะถูกนำออกมาจากคลังแสงที่มีอยู่ และคาดว่าจะถูกส่งไปยังยูเครนในอีก 2-3 เดือน รถถังดังกล่าวของเยอรมนีถูกมองว่าเป็นหนึ่งในรถถังประจัญบานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้ การตัดสินใจส่งอาวุธหนักดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการโต้เถียงทางการทูตหลายสัปดาห์ โดยเยอรมนีต้องเผชิญกับแรงกดดันจากนานาชาติให้ส่งรถถังคันดังกล่าว และมีรายงานว่าในที่สุดแล้วการตัดสินใจทำเช่นนั้นมีเงื่อนไขมาจากการเจรจาของเยอรมนีกับสหรัฐฯ ว่า เยอรมนีจะจัดส่งรถถังไปช่วยเหลือยูเครน หากสหรัฐฯ จะทำเช่นเดียวกัน

ทางการเยอรมนียืนยันว่าในเวลาอีกไม่นาน พลรถถังของยูเครนจะได้รับการฝึกเพื่อใช้รถถัง Leopard ในเยอรมนี ในขณะที่ไบเดนกล่าวว่า กองทหารยูเครนจะได้รับการฝึกให้ใช้รถถังที่ผลิตในสหรัฐฯ “โดยเร็วที่สุด” แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเสริมว่า การส่งมอบรถถัง 31 คันจะต้องใช้เวลา ในขณะที่การครอบครองรถถังจากตะวันตกจะถือเป็นการรัฐประหารทางการทูตต่อเซเลนสกี โดยทางการยูเครนชี้ว่า พวกเขาต้องการรถถังดังกล่าวในจำนวน 300 คัน เพื่อเอาชนะรัสเซียให้ได้

หลายประเทศในยุโรปมีรถถัง Leopard 2 อยู่ในคลังแสงของตัวเอง และการตัดสินใจของเยอรมนีหมายความว่ารถถังบางคันจะสามารถถูกส่งไปยังยูเครนได้ด้วย ทั้งนี้ เยอรมนีหวังว่ารถถัง 90 คันจะถูกส่งเข้าสู่สนามรบในท้ายที่สุด ในขณะที่นอร์เวย์ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า พวกเขาจะส่งรถถัง Leopard 2 ไปยังยูเครน แต่ไม่ได้ระบุจำนวนที่จะมีการส่งมอบ


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-64404928?fbclid=IwAR1_Jt7kI737Ts_CrDzQokk0hydFWGSN_agj-mFie2xbIt2P8npCtxrdPyM