ไม่พบผลการค้นหา
ยุโรปฉีดวัคซีนแอสตรา แล้ว 5 ล้านคน พบ 'เลือดแข็งตัว' 30 ราย - ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ เดินหน้าฉีดต่อ ตรงข้ามชาติยุโรปชะลอใช้

ประเทศไทยชะลอการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซเนกา ซึ่งเดิมมีกำหนดที่วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีจะเข้ารับการฉีดวัดซีนป้องกันโควิดของแอสตรา ในเข็มแรก แต่กำหนดการดังกล่าวต้องระงับไปกระทันหัน หลังจากที่มีรายงานจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของเดนมาร์ก พบกรณีผู้ได้รับวัคซีนเกิดอาการเลือดแข็งตัวในเส้นเลือดดำ และลิ่มเลือดอุดตัน ส่งผลให้บางประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปด้วยกัน อาทิ ออสเตรีย นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ รวมถึงเดนมาร์กต้องระงับการใช้วัคซีนดังกล่าวไปก่อน แม้องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency - EMA) จะไม่ได้มีประกาศห้ามใช้วัคซีนดังกล่าว เพียงแต่ระบุว่าจะดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น

ในยุโรป มีประชาชนรับวัคซีนแอสตราเซเนกาไปแล้วราว 5 ล้านราย จำนวนนี้พบกรณีลิ่มเลือดอุดตันและอาการเลือดแข็งตัวในเส้นเลือดดำ 30 ราย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังคณะแพทย์ลงความเห็นให้เลื่อนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกา ออกไปก่อนนั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้กลัวการฉีดวัคซีน เพียงแค่ต้องฟังคำแนะนำจากหมอ ขอเวลาตรวจสอบข้อมูล เพื่อความปลอดภัยสูงสุด วอนหยุดประเด็นดราม่าในเรื่องดังกล่าว

การระงับใช้วัคซีนแอสตร้าเซเนกาของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้ไทยกลายเป็นชาติแรกในเอเชีย และเป็นประเทศแรกนอกยุโรปที่ระงับใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา สวนทางหลายประเทศนอกยุโรป ที่ยังคงเดินหน้าใช้วัคซีนดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย, แคนาดา, ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้

ที่แคนาดา หน่วยงานด้านสาธารณสุขระบุในคำแถลงภายหลังชาติยุโรประงับใช้ว่า "สาธารณสุขแคนาดาทราบเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนกาในยุโรปแล้ว เราอยากรับประกันกับชาวแคนาดาทุกคนว่าประโยชน์ของวัคซีนนั้นยังคงมีน้ำหนักเหนือกว่าความเสี่ยงทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากตัววัคซีน ในเวลานี้ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้อย่างชัดเจน ว่าวัคซีนเป็นต้นเหตุของอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว ทั้งหน่วยงานสาธารณสุขแคนาดายังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนแอสตร้าฯ ในแคนาดาเลย"

แคนาดาได้รับวัคซีนป้องกันโควิดของแอสตร้าที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียจำนวน 500,000 โดส ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าจะได้รับเพิ่มจากอินเดียอีก 1.5 ล้านโดสช่วงเดือน พ.ค.

ส่วนออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน ยืนยันจัดการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของแอสตราในประเทศตามกำหนดเดิม เนื่องจากยังไม่พบหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าวัคซีนดังกล่าวเชื่อมโยงกับการเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันเช่นที่พบในยุโรป 

ออสเตรเลียสั่งจองวัคซีนแอสตร้าเซเนกาจำนวน 54 ล้านโดส ทยอยได้รับแล้ว 300,000 โดส ตั้งเป้าเริ่มแจกจ่ายเข็มแรกให้ประชาชนทุกคนในประเทศภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ โดยขณะนี้ออสเตรเลีย ฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วราว 150,000 คน รวมถึงนายกรัฐมนตรีมอร์ริสันล้วนได้รับวัคซีนชนิดนีแล้วเมื่อ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา

เกาหลีใต้ ซึ่งแจกจ่ายวัคซีนแอสตราแก่ประชาชนแล้วราว 296,000 คน แม้พบจะกรณีผู้เสียชีวิตภายหลังการรับวัคซีนแล้ว 7 รายก็ตาม แต่หน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศ ได้ขยายการฉีดวัคซีน ของบริษัทแอสตราเซนเนกา ให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป หลังมีข้อมูลจากเรียล เวิลด์ ดาต้า (Real World Data) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งชี้ว่า วัคซีนจากแอสตราเซนเนกา และไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อมากกว่าร้อยละ 80 ในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีขึ้นไป หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 โดส

แม้สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้ ยืนยันไม่พบหลักฐานว่าการเสียชีวิตเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนป้องกันโควิด เรื่องดังกล่าวกลับส่งผลให้ชาวเกาหลีใต้ต้องเผชิญกับการหวาดกลัววัคซีน ซึ่งเกาหลีใต้ระบุว่า คนที่เสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีนโควิดนั้น เกี่ยวข้องกับคนชรา หรือบุคคลที่มีโรคประจำตัว หรือไม่ก็ทั้งมีประวัติทั้งสอง