แม้เพจดั้งเดิมอย่าง “ไข่แมว” จะปลิวไปอย่างเป็นปริศนาในวันที่มียอดถูกใจกว่า 4 แสนราย จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากโลกออนไลน์รวมถึงตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของแอดมินผู้วาดการ์ตูน แต่เมื่อเพจดังกล่าวกลับมาอีกครั้งในชื่อ “ไข่แมวX” ที่ตอนนี้สามารถเรียกยอดถูกใจได้เกือบ 6 แสนราย ก็ถือเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดีว่าผลงานการ์ตูนล้อการเมืองของนักวาดผู้อยู่เบื้องหลังเพจไข่แมว ยังคงอยู่ในความสนใจของผู้คนบนโซเชียลมีเดียไม่เสื่อมคลาย
แม้จนถึงวันนี้แอดมินเจ้าของเพจและผู้สร้างผลงานวาดการ์ตูนไข่แมวยังคงเลือกไม่เปิดเผยตัวตน แต่เขาก็เผยกับทีมข่าว 'วอยซ์ออนไลน์' ผ่านช่องทางโปรแกรมแชทว่า รู้สึกดีไม่น้อยที่เพจไข่แมวได้เป็นส่วนหนึ่ง ที่สามารถทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจการเมืองมากขึ้น
เพจไข่แมวปรากฏครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2559 เกือบ 2 ปี หลังเกิดการรัฐประหารครั้งล่าสุดในไทยซึ่งนำมาสู่บรรยากาศของความอึมครึมที่การวิพากษ์วิจารณ์อำนาจรัฐทำได้จำกัด เป็นบรรยากาศแห่งความเงียบที่ปกคลุมสังคมไทย มีคนที่เห็นต่างและวิพากษ์วิจารณ์ผู้ยึดอำนาจถูกเรียก “ปรับทัศนคติ” เป็นจำนวนมาก
ไม่ว่าจะอยู่ในแวดวงนักกิจกรรม นักวิชาการ สื่อมวลชน ซึ่งแอดมินเพจ “ไข่แมวX” เผยว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาซึ่งเป็นคนที่เรียนมาในสายศิลปะและใช้วิชาที่เรียนทำมาหากินหันมาสนใจการเมืองอย่างจริงจัง โดยเริ่มใช้พรสวรรค์และทักษะการวาดการ์ตูนที่มีมาสร้างสรรค์ผลงานการ์ตูนเสียดสีสังคม ล้อการเมือง
“ถ้าเอาแบบจริงจัง ก็หลังรัฐประหารปี 2557 ครับ เพราะช่วงนั้นมีคนโดนปรับทัศนคติกันเยอะ”
ส่วนเหตุผลที่ตั้งชื่อเพจว่า “ไข่แมว” เขาเผยว่าเป็นเพราะอยากได้ชื่อสั้นๆ แค่ 2 พยางค์ที่มีคำว่าแมวด้วย จึงกลายเป็นชื่อไข่แมว และเมื่อเพจดั้งเดิมปลิวไปเมื่อเดือนม.ค. 2561 ก็เลือกที่จะตั้งชื่อเพจใหม่ที่ปรากฏขึ้นในอีกราวๆ 1 เดือนถัดมาว่า “ไข่แมวX” เพราะไม่อยากตั้งชื่อว่า “ไข่แมว V2” โดยมองว่าคนใช้กันเยอะแล้ว จึงเลือกใช้ตัว “X” สั้นๆ แทน
“ต่อไปอาจเป็น XL,XXL” เขาเผย
การ์ตูนล้อเลียนการเมืองปรากฏอยู่ในสังคมไทยมาราวๆ 1 ศตวรรษ นับตั้งแต่สื่อสิ่งพิมพ์เริ่มเฟื่องฟู เป็นแขนงหนึ่งของการใช้ศิลปะสะท้อนสังคมที่แจ้งเกิดนักวาดการ์ตูนหลายคนในประวัติศาสตร์ จนเมื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลพื้นที่สร้างสรรค์การ์ตูนล้อการเมืองจึงไม่จำกัดอยู่แค่บนหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์เท่านั้น
แต่ยังเคลื่อนมาสู่โลกออนไลน์ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฟังก์ชั่นการแชร์ คอมเมนต์ ไปจนถึงการแคปภาพหน้าจอ คือส่วนสำคัญที่ทำให้ผลงานการ์ตูนล้อการเมืองของเพจไข่แมวสามารถสร้างแรงกระเพื่อมในสังคมได้กว้างขวางขึ้น โดยแอดมินและการ์ตูนนิสต์นิรนามคนนี้ยอมรับว่า แพลตฟอร์มออนไลน์ในยุคนี้ทำให้งานของเขาสามารถเข้าถึงทุกคนได้ง่าย
ส่วนเป้าหมายของการวาดการ์ตูนของเขา ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเห็นคนตั้งคำถามกับความเป็นไปในสังคมบนพื้นฐานของเหตุผล มากกว่าการด่วนเชื่อ ด่วนสรุป หรือการเชื่อตามๆ กัน
“อยากให้คิดวิเคราะห์ มีเหตุผล ถ้าเลือกจะเชื่อในสิ่งไหนก็ควรหาหลักฐานประกอบ อย่าเชื่อเพราะว่าเชื่อตามกันมาเป็นวัฒนธรรม”
จนถึงตอนนี้ถ้าใครติดตามเพจ “ไข่แมวX” มาต่อเนื่องก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาดีกับคาแรกเตอร์หลักๆ ที่มักปรากฏอยู่บนเพจ และถึงแม้ไม่มีคำอธิบายว่าคาแรกเตอร์เหล่านี้ต้องการสื่อถึงใคร แต่ก็คงไม่ยากนักต่อการตีความ
ไม่ว่าจะเป็น “ท่านผู้นำ” ทหารหน้าตาขึงขังที่ถูกทำให้กลายเป็นตัวตลก “แจ๊คแม้ว” การ์ตูนหน้าเหลี่ยมพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มที่แทรกอยู่ในหลายเหตุการณ์ หรือน้องตาใส ที่ถูกตีความว่าเป็นภาพแทนของประชาชนคนไทย และเป็นคาแรกเตอร์หลักที่การ์ตูนนิสต์นิรนามเผยว่า เขาชื่นชอบที่สุด
“ส่วนลุงตอนแรกแค่วาดเป็นทหาร ไม่ได้ไปอ้างอิงใคร แต่ดันกลายเป็นคาแรกเตอร์หลักไปแบบงงๆ”
สำหรับขั้นตอนในการสร้างผลงานแต่ละครั้งเขาบอกว่าใช้เวลาไม่นานมาก โดยเฉลี่ยประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วแต่รายละเอียดของภาพ ส่วนใหญ่มักวาดโดยเล่นกับประเด็นข่าวหรือเหตุการณ์ปัจจุบันที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เป็นหลัก และมักวาดบนมือถือเพื่อความรวดเร็ว ดังนั้น หากจะเรียกว่าได้ว่าการ์ตูนของไข่แมวสามารถทำหน้าที่เป็นจดหมายเหตุในรูปแบบการ์ตูน บันทึกเหตุการณ์และอารมณ์ของสังคมที่เกิดขึ้น ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ ก็คงไม่ผิดนัก
ขณะเดียวกัน ผลงานของไข่แมวคือการ์ตูน 4 ช่องที่ไม่มีข้อความ สเตตัส หรือคำอธิบายเป็นตัวอักษร ที่เจ้าตัวเรียกว่าเป็น “การ์ตูนใบ้” การจะเข้าถึงสารที่ผู้วาดต้องการสื่อจึงต้องอาศัยการตีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เอาเอง แน่นอนว่าความเข้าใจหรือการตีความของแต่ละคนที่ได้เห็นภาพเหล่านั้นย่อมแตกต่างกันไปตามมุมมอง ความเชื่อ หรือแม้แต่ธงในใจที่พวกเขาได้ตั้งเอาไว้ ซึ่งเจ้าของผลงานบอกว่า นี่เป็นเรื่องดีที่ผลงานของเขาจะสามารถสร้างการถกเถียงได้
“อันนี้ดีแล้วครับ เสริมสร้างจินตนาการดี ตีความกันไป ถกเถียงกันได้ ไม่จำกัดเกินไป” เขาเผย เช่นเดียวกันก็บอกว่าพร้อมเปิดกว้างรับฟังความเห็นของคนที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบการ์ตูนไข่แมว
“วิจารณ์ได้หมด ด่าได้หมด ไม่เคยลบหรือแบน”
หากการทำงานศิลปะคือการถ่ายทอดความคิดผ่านวิธีการสื่อสารที่ใช้ความสร้างสรรค์และนอกกรอบ นั่นย่อมหมายความว่ายิ่งสังคมเปิดกว้าง มีเสรีภาพในการวิจารณ์และแสดงออกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินมากเท่านั้น แต่สำหรับสังคมไทยที่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นยังค่อนข้างจำกัด มีประเด็นอ่อนไหวมากมายที่แตะต้องหรือวิจารณ์อย่างเปิดเผยไม่ได้ ก็ถือว่ามีผลไม่น้อยต่อการสร้างผลงานศิลปะ แม้จะเป็นศิลปะที่มีเป้าหมายวิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่างการ์ตูนไข่แมวก็ตาม
“บางทีคิดเล่นๆ ว่าถ้าเกิดเล่นใหญ่ แล้วมีคนแชร์งานเรา แล้วเขาโดนดำเนินคดีทางกฎหมายอะไรสักอย่าง เราจะรับผิดชอบอย่างไร เราคงรู้สึกแย่มากๆ”
โดยเขาอธิบายเพิ่มเติมว่า ในฐานะคนทำงานศิลปะ เขามองความสำคัญของเสรีภาพต่อการนำเสนอผลงานเป็น 2 แบบ นั่นคือการทำงานเพราะใจรักกับการทำงานเพื่อเป็นอาชีพหาเลี้ยงตัว
“อันนี้ต้องแยกกัน ถ้าวาดแล้วมีความสุข ไม่ได้เป็นงานหาตัง มันก็ควรมีเสรีภาพในการนำเสนอ แต่ถ้าเป็นงานจ้างก็แก้งานกันไป รับตัง แ-กข้าว จบ”
สำหรับเจ้าของผลงานการ์ตูนไข่แมวแล้ว เขามองว่านับตั้งแต่เริ่มทำเพจไข่แมวจนถึงวันนี้ สังคมไทยไม่ได้มีเสรีภาพมากขึ้นไปกว่าเดิม ตราบใดที่ยังคงมีกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม ภายใต้ข้อจำกัดด้านเสรีภาพ สิ่งที่เขามองว่าเป็นนิมิตหมายอันดีของวงการศิลปะและสังคม ก็คือการได้เห็นศิลปินรุ่นใหม่ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่างเปิดเผยมากขึ้น ไม่ว่าจะผ่านทางผลงานดนตรี กราฟฟิตี้ หรืออื่นๆ ซึ่งเขามองว่านี่จะช่วยทำให้เกิดคอนเทนต์ศิลปะแนววิจารณ์การเมือง สังคม และวัฒนธรรมที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน เมื่อถามว่านับตั้งแต่เพจไข่แมวปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ มองว่าผลงานการ์ตูนของเพจสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับสังคมได้บ้าง การ์ตูนนิสต์นิรนามก็มองว่าจนถึงตอนนี้สิ่งที่เขาพอใจคือ งานของเขาสามารถทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจการเมืองมากขึ้น ซึ่งนี่ก็คงเป็นสัญญาณแห่งความหวังสำหรับอนาคตในการสร้างสังคมแห่งการตั้งคำถามและการมีส่วนร่วมไม่มากก็น้อย
“ความเปลี่ยนแปลงจากที่เห็นก็เป็นเรื่องคนรุ่นใหม่ หรือเด็กๆ เริ่มหันมาสนใจการเมืองมากขึ้น จนการเมืองมันแมส เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัว จึงเป็นเรื่องที่ดี”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: