รณกาจ ชินสำราญ กรรมการบริหาร และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงเศรษฐกิจไทย ณ ปัจจุบัน มีความน่ากังวลที่สะท้อนออกมาในหลายๆด้าน
เช่น ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ใกล้ทะลุ 90%ของ GDP ส่งผลให้กำลังซื้อภายในประเทศฝืดเคืองเพราะคนไม่มีเงินใช้จ่าย รวมไปถึงการชะลอการลงทุนจากต่างชาติ , ความสามารถในการแข่งขันของ SME และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่สะท้อนออกมาทางตลาดหุ้น ที่ล่าสุด ตกลงติดต่อกัน 8 วัน รวมเกือบ 100 จุด แล้ว
นักลงทุนไม่ชอบความไม่แน่นอน และปัจจัยใหญ่สุดในปัจจุบันคือ เรื่องเสถียรภาพของการจัดตั้งรัฐบาล หรือกระแสที่ออกมาต่อเนื่องว่าอาจมี เซอไพรส์พลิกขั้วทางการเมือง หรือจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ถึงแม้มันจะเป็นแค่กระแส แต่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้
ประเทศไทยติดหล่มมานานหลายปี การเลือกตั้ง พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ประชาชนพร้อมใจกันมาเลือกตั้งด้วยความหวังที่พรรคการเมืองจะเข้ามาช่วยผลักให้ประเทศเดินหน้าต่อ ให้เสียงของประชาชนเป็นใหญ่มากกว่าเสียงของนักการเมือง
รวมถึงภาคเอกชน-ภาคธุรกิจ ที่กลัววิกฤติทางการเมืองกลับมา เพราะถ้าจัดตั้งไม่ได้อาจเกิดการลงถนน เป็นเหตุให้เกิดเรื่องเลวร้ายที่สุดคือฝ่ายอำนาจเก่าจะใช้เรื่องนี้ทำรัฐประหารใหม่อีกรอบ กลุ่มอำนาจเก่ากลับมาใหม่ และทุนผูกขาดยังคงอยู่ ที่จะเป็นเหตุพาให้ประเทศตกเหวเศรฐกิจไปอีกหลายปี และเป้าหมาย GDP โต 3% ในปีนี้อาจเป็นไปได้ยาก
การประชุมในวันที่ 2 ก.ค. 66 นี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นกุญแจสำคัญในการทำการเมืองให้นิ่ง เพื่อฟื้นเศรษฐกิจโดยเร็ว ตนอยากขอให้ทุกพรรคใหญ่ฝั่งประชาธิปไตยร่วมมือร่วมใจ หาทางออกที่ดีร่วมกันให้ได้โดยเร็วตามที่ประชาชน 20 กว่าล้านเสียงให้ความคาดหวังไว้ ///