เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอเนื้อหาที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
ดร.นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่า ตนและนายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ เอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวา และคณะ ได้เดินทางเยือนเมืองโทรอนโตและเมืองสการ์โบโรห์ รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เพื่อพบหารือกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำ ได้แก่ บริษัท Celestica, Magna International และ TFI Foods โดยมีเป้าหมายส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างไทยกับแคนาดาอย่างเป็นรูปธรรม
ในช่วงเช้า ประธานผู้แทนการค้าไทยได้เยี่ยมชมบริษัท TFI Foods (Tai Foong International Foods Ltd.) ผู้นำเข้าสินค้าอาหารจากเอเชียรายใหญ่ของแคนาดา โดยมี Mr. David Lam ประธานบริษัทฯ ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปเกี่ยวกับบริษัทฯ และแนวทางการขยายกิจการในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยมูลค่าราว 30 ล้านเหรียญแคนาดาต่อปี ภายใต้แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในตลาดของแคนาดา อาทิ ข้าวหอมมะลิยี่ห้อ Ox Head และกุ้งแช่แข็งยี่ห้อ Thai Gold ซึ่งผลิตโดยโรงงานในจังหวัดชุมพร
ซึ่งโรงงานแห่งนี้บริษัทฯ เป็นเจ้าของตั้งแต่ปี 2543 โดยมีนโยบายชัดเจนที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นจากการซื้อวัตถุดิบที่สามารถหาได้ในท้องถิ่น
บริษัท TFI Foods แสดงความสนใจขยายสายการผลิตในประเทศไทยเพิ่มเติม และอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องของไทย เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าสู่ตลาดแคนาดาและตลาดอื่น ๆ ที่บริษัทฯ ส่งออกจากไทย เช่น ฮ่องกง ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ตลาดแคนาดามีศักยภาพสูงสำหรับสินค้าอาหารแปรรูปจากไทย โดยเฉพาะกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน ข้าวสุขภาพ ทุเรียนแช่แข็ง และซอสปรุงรส
ประธานผู้แทนการค้าไทยเปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายได้หารือกับผู้บริหารของบริษัท Celestica ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร และมีลูกค้าระดับโลก อาทิ Google, Apple, IBM และ Microsoft โดยผู้บริหารบริษัทได้แสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย พร้อมระบุว่าไทยเป็น “จุดหมายสำคัญของการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ทั้งยังกล่าวเสริมว่า Celestica ได้ลงทุนในไทยแล้วกว่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ผ่านมา และในอนาคตอันใกล้มีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมอีก 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพื่อขยายธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และดาต้าเซ็นเตอร์ ผู้บริหารของบริษัทฯ กล่าวด้วยว่านอกจากไทยแล้ว ยังได้ไปเปิดโรงงานที่มาเลเซียและลาว แต่โรงงานที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและกระจายสินค้าไปยังทั่วโลก ประธานผู้แทนการค้าไทยได้กล่าวย้ำถึงจุดแข็งของไทยในเรื่อง Ease of Doing Business และความโปร่งใส และยินดีจะสนับสนุนการขยายการลงทุนในอนาคตของบริษัทฯ
การหารือกับผู้บริหารของบริษัท Magna International ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนและเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำของโลกที่มีรายได้กว่า 42.84 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2567 และมีพนักงานกว่า 179,000 คนทั่วโลกนั้น ผู้บริหารของบริษัทฯ ได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างบริษัทฯ กับประเทศไทย โดยบริษัทฯ มีฐานการผลิต 351 แห่งใน 28 ประเทศในปัจจุบัน รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทในเครืออีก 2 แห่ง และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI รวม 6 โครงการ มูลค่ากว่า 567 ล้านบาท
ผู้บริหารบริษัทฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในประเทศ พร้อมแสดงความสนใจที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติม โดยชื่นชมจุดแข็งของไทยในด้านทำเลที่ตั้ง คุณภาพแรงงาน และโครงสร้างพื้นฐานและระบบขนส่งการขนส่งที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ขณะเดียวกัน ประธานผู้แทนการค้าไทยได้เน้นย้ำจุดแข็งของไทยในห่วงโซ่อุปทานด้านยานยนต์ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่จะรองรับการเติบโตในอนาคต
การเยือนแคนาดาและได้พบกับบริษัทชั้นนำของแคนาดาในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายการค้าเชิงรุกของรัฐบาลไทย เพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรเศรษฐกิจระดับนานาชาติ ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับภาคเอกชนไทย และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทยอย่างยั่งยืน และสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นสูงต่อศักยภาพของประเทศไทยที่มีความได้เปรียบในเชิงที่ตั้ง โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และทักษะแรงงานที่สำคัญในภูมิภาค