นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับกระแสข่าวถูกปรับจากครม.ว่า เล่นการเมืองแบบเดิม ๆ จะเป็นตัวอย่างให้คนรุ่นใหม่ได้อย่างไร ที่ผ่านมาตนพูดแต่เรื่องงานที่ได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรี หลีกเลี่ยงไม่พูดเรื่องการเมือง แต่จากที่มีข่าวออกมาเป็นระยะว่าจะมีการปรับครม. หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจและมีชื่อของตนผมติดอยู่ในโผถูกปรับออกด้วยเหตุผล (ตามข่าว) อยู่ 3 ข้อคือ 1.ตนขาลอยในพรรคไม่ได้เป็นส.ส.และไม่ได้จ่ายเงินให้พรรค 2.ตนไม่มีฐานเสียงส.สในมือ และ 3.ตนไม่เข้าพรรคและไม่มีพวกในพรรค วันนี้ตนขอใช้พื้นที่เพจแสดงความเห็นส่วนตัวในฐานะที่ตนถูกทั้งคนในพรรคและสื่อพาดพิงอยู่เสมอ
นายสุวิทย์ ระบุว่า ตนเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ เมื่อจะมีการเลือกตั้ง ก็ได้ลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีไปทำหน้าที่ในฐานะรองหัวหน้าพรรค เดินสายช่วยลูกพรรคหาเสียงทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และเมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรมต. ตนก็ทำงานในหน้าที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่
“ผมคิดว่าหากมีการปรับครม.และคัดเลือกรัฐมนตรีด้วย 3 เหตุผลนี้ ประเทศไทยคงไม่มีทางหลุดจากวงจรอุบาทว์ทางการเมืองที่สร้างปัญหาซ้ำซากแบบเดิมที่ยังปรากฎอยู่ทุกวันนี้ได้ ขณะนี้ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาวิกฤติเชิงซ้อน นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต้องมี "ความรู้ ความสามารถ และมีปัญญา" นำพาประเทศไปข้างหน้า แก้ปัญหาภายในและยืนหยัดแข่งกับโลกภายนอกให้ได้ มากกว่าการปรับครม.ตามอำนาจต่อรองและแรงกดดันจากกลุ่มคนที่รอแสวงหาประโยชน์ในรัฐบาล”นายสุวิทย์ ระบุ
นายสุวิทย์ ระบุด้วยว่า ตนเข้ามาเป็นรมต.ด้วยความตั้งใจ จริงใจและทำงานอย่างสุดความสามารถ เพราะอยากเห็นประเทศชาติบ้านเมืองพัฒนาก้าวหน้าขึ้น แน่นอนว่าการที่ตนได้เข้ามาร่วมเป็นรมต.ในรัฐบาลที่แล้ว หรือในรัฐบาลนี้นั้นก็ล้วนมาจากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกด้วยตัวท่านเอง
"ผมเคารพและเชื่อมั่นในการตัดสินใจของท่านเสมอ และเชื่อว่าหากท่านจะปรับครม.ก็ต้องด้วยเหตุผลที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มากกว่าประโยชน์ของนักการเมืองช่วยกันพลิกโฉมการเมืองแบบใหม่ ประเทศไทยรอการพัฒนาอีกหลายอย่าง อย่างแรกที่สำคัญที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาเรื่องอื่น ๆ คือ นักการเมืองแบบเดิม ๆ บางคน นี่ละครับควรต้องรีบพัฒนา.." นายสุวิทย์ กล่าว