ไม่พบผลการค้นหา
กมธ.กฎหมาย รับเรื่องผู้พิพากษายิงตัวเองไว้พิจารณา แต่ต้องหารือกับ กมธ.ศาล ว่าใครจะเป็นแม่งานหลัก 'โรม' ยืนยัน ต้องเรียก 'บุรินทร์' มาซักถามที่เคยไล่ฟ้องคดีนักกิจกรรมในยุค คสช.แน่ แม้อยู่ในคิวหลังๆ ส่วนเรื่องแจ้งจับพรรคฝ่ายค้าน ยังไม่มีผู้ร้องมา

นายรังสิมันต์ โรม โฆษกคณะกรรมาธิการ หรือ กมธ.การกฎหมาย การยุตธิรรม และสิทธิมนุษยชน แถลงความคืบหน้าการทำงานของ กมธ. หลายประเด็น ทั้ง กรณีผู้พิพากษาพยายามกระทำอัตวินิบาตกรรมโดย กมธ.มีมติร่วมกันว่า จะศึกษากรณีนี้ต่อไป แต่ยังไม่มีมติว่าจะเชิญบุคคลใดเข้ามาให้ข้อมูลบ้าง พร้อมย้ำถึงความตั้งใจของ กมธ.ว่าทำหน้าที่เพื่อทำให้ผู้พิพากษามีความเป็นอิสระในการทำงานมากยิ่งขึ้น และคำนึงถึงความเป็นเอกภาพของผู้พิพากษา ให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะได้รับความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรม และหายสงสัยในความเป็นอิสระในการทำงานของผู้พิพากษา

อย่างไรก็ดี เนื่องจากมี กมธ.กิจการศาล ที่มีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เป็นประธาน ต้องการจะดำเนินการเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งตามข้อบังคับของสภาฯ กมธ.ไม่สามารถทำเรื่องซ้อนกันได้ แต่จะเป็นการทำงานร่วมกัน ดังนั้น จึงต้องหารือกันอีกครั้งระหว่าง กมธ.กฎหมายกับ กมธ.กิจการศาล ว่าชุดไหนจะเป็นหลักในการพิจารณากรณีนี้

นอกจากนี้ กมธ.กฎหมาย ยังได้พิจารณา ข้อร้องเรียนของนักเคลื่อนไหวและกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ที่ขอให้ กมธ.เชิญ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก และผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มาชี้แจง กรณีที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.บุรินทร์ เป็นมือกฎหมายของ คสช.ได้ดำเนินการฟ้องร้องคดีนักกิจกรรมและผู้เห็นต่างจำนวนมาก ซึ่ง กมธ.จะพิจารณาตามลำดับของคำร้อง คาดว่าน่าจะอยู่ลำดับที่ 8 ขณะที่ตอนนี้ กมธ.พิจารณาคำร้องในลำดับที่ 2 เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าต้องเรียกตัว พล.ต.บุรินทร์เข้ามาชี้แจงอย่างแน่นอน เพราะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงตามคำร้อง ซึ่งประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับที่ พล.ต.บุรินทร์ เข้าแจ้งความเอาผิดแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน กรณีรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะประเด็นนี้ยังไม่มีคำร้องมาที่ กมธ.กฎหมาย 

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า แม้ตัวเองเคยเป็นนักเคลื่อนไหวและเคยถูก พล.ต.บุรินทร์ แจ้งความดำเนินคดีด้วย แต่ก็ไม่ได้ตัดสิทธิการเป็น กมธ. และไม่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งใน กมธ.ก็มีทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลทำงานร่วมกัน โดยเห็นว่า การเรียก พล.ต.บุรินทร์ มาชี้แจง ก็จะเป็นเรื่องดีที่เจ้าตัวจะได้มีโอกาสให้ความชัดเจนกับ กมธ. และสังคม

ขณะเดียวกัน หาก กมธ.แต่ละคนทำงานไม่เป็นกลาง ก็จะส่งผลร้ายต่อตัวเองด้วย