วันที่ 9 มี.ค.66 เวลา 10.00 น.ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องพร้อมพยานหลักฐานเพื่อขอให้ ป.ป.ช.สอบสวน 7 เจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา ซึ่งเป็นคณะกรรมการจัดซื้อหรือจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือก คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ และผู้ควบคุมงานในโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองพังงา ซึ่งถูกเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านและสื่อมวลชนช่วยกันแฉว่ามีการจัดซื้อจัดหาต้นทองอุไร ต้นรวมผึ้ง ชุดน้ำพุ การปลูกหญ้า และกระถางต้นไม้ที่มีราคาที่โคตรแพงเกินจริงหรือไม่

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากอดีตโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้มีคำสั่งจังหวัดพังงาที่ 3138/2564 ลงวันที่ 31 ก.ย.64 แต่งตั้งคณะกรรมการซื้อหรือจ้างโดยวิธีคัดเลือก คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ และผู้ควบคุมงาน โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองพังงา หมู่ที่ 3 ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา โดยวิธีคัดเลือกโดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา วงเงินงบประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งมีห้างหุ้นส่วนจำกัดของเอกชนรายหนึ่งในจังหวัดพังงานได้รับการคัดเลือกและได้ทำสัญญากันตั้งแต่ 22 ต.ค.64 ถึง 17 ส.ค.65 ระยะเวลา 300 วัน

กรณีดังกล่าวมีข้อพิรุธมากมายหลายประการ อาทิ 1)ต้นทองอุไร ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นทรงพุ่มเตี้ย สเปกเอกสารโครงการเป็นต้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 นิ้วจำนวน 37 ต้น มีราคา 225,348.50 บาท เฉลี่ยต้นละ 6,090.5 บาท มีการตรวจรับแล้ว แต่ปัจจุบันเหลือรอดเพียง 9 ต้น

2)ต้นรวงผึ้ง เป็นไม้ยืนต้นทรงพุ่มเตี้ยเช่นกัน ขนาดลำต้น 4 นิ้ว จัดซื้อมา 2 ต้นๆ ละ 20,098.65 บาท เป็นเงิน 40,197.30 บาท ล่าสุดสภาพยืนต้นตายไปหนึ่งต้นยังเหลือสภาพร่อแร่อีก 1 ต้น

3)ค่าปลูกหญ้า โดยเอกสารระบุว่า ปลูกพื้นที่ 11,527.28 ตร.ม. หรือ 7.2 ไร่ ราคาตามเอกสารคิดเป็นเงินทั้งหมด 587,350.92 บาท ซึ่งจากการวัดหน้างานจริง พบปลูกหญ้าอยู่เพียง 9,023 ตร.ม. หรือ คิดเป็น 5 ไร่เศษ พบว่าขาดไปประมาณ 2,500 ตร.ม. หรือคิดเป็นเงินราว ๆ 1.3 แสนบาท

4)ชุดน้ำพุ พร้อมอุปกรณ์ครบวงจร มูลค่า 6,000,570 บาท ชาวบ้านแจ้งว่าเห็นเปิดทดสอบเพียงครั้งเดียวใช้ได้สามวัน ก็ไม่เคยเปิดใช้และติดอีกเลย 5)กระถางต้นไม้ ขนาดยาว 3.5 เมตร กว้าง 0.60 เมตร สูง 45 ซม. หนา 8 ซม. จัดซื้อมา 2 ชุด ราคาชุดละ 26,843.90 บาท รวมเป็นเงิน 53,687.80 บาท ซึ่งเป็นกระถางปูนเปลือยแบบยาวธรรมดาๆเท่านั้น 

ทั้งนี้ เป็นที่สงสัยว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตาม พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างฯ 2560 ข้อ 74 ข้อ 176 ข้อ 177 และข้อ 178 หรือไม่ และเป็นไปตามข้อยกเว้นของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 845 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 หรือไม่ หากพบว่าฝ่าฝืนให้ดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุดต่อไป แม้ผู้ถูกร้องบางคนจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วก็ตาม