การตัดสินใจนี้ของรัฐบาลจีนมีขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจทวีขึ้นจากหลายประเด็น ซึ่งความขัดแย้งล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องเที่ยวบิน ส่วนหนึ่งมีที่มาจากการที่หน่วยงานการบินพลเรือนของจีน หรือ CAAC ได้ตัดสินใจจำกัดเที่ยวบินต่างชาติลงให้เหลือเท่ากับจำนวนที่ทำการบินวันที่ 12 มี.ค. ขณะที่จนถึงวันดังกล่าวสายการบินสหรัฐฯ ได้ระงับเที่ยวบินไปจีนทั้งหมดจากความกังวลเรื่องไวรัสระบาด จนทำให้จำนวนเที่ยวบินไปจีนเหลือศูนย์
ในขณะที่เที่ยวบินของสายการบินจีนยังคงเดินทางไปยังสหรัฐฯ ได้อยู่ โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าจะห้ามเที่ยวบินโดยสารของจีนเดินทางเข้าสหรัฐฯ และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. เพื่อตอบโต้ข้อจำกัดของจีนต่อสายการบินของสหรัฐฯ และต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด CAAC ได้ระบุว่าสายการบินต่างชาติทั้งหมดที่ไม่ได้อยู่รายชื่อตารางบินวันที่ 12 มี.ค. ตอนนี้สามารถดำเนินเที่ยวบินระหว่างประเทศ 1 เส้นทางไปยังจีนได้แล้วสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยผู้โดยสารต้องได้รับการตรวจโควิด-19 เมื่อเดินทางมาถึงจีน เส้นทางบินใดที่ไม่พบว่ามีผู้โดยสารติดเชื้อเป็นเวลา 3 สัปดาห์ติดต่อกัน จะได้รับอนุญาตให้ดำเนินการเที่ยวบินเพิ่มเติม 1 เที่ยวบินในแต่ละสัปดาห์ ส่วนเส้นทางที่มีผู้โดยสาร 5 คนขึ้นไปถูกตรวจพบว่าติดเชื้อ จะถูกระงับให้บริการอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ทั้งสายการบินต่างชาติและของจีน
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และจีนทวีความตึงเครียดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาจีนว่าจงใจให้เกิดการระบาดของไวรัส ในขณะที่ความพยายามของรัฐบาลจีนในการผลักดันออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงยิ่งทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น โดยสหรัฐฯ ยังได้บังคับใช้ข้อห้ามกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่างหัวเว่ยและสั่งให้มีการสอบสวนการกระทำของบริษัทต่างๆ ของจีนที่จดทะเบียนในตลาดการเงินสหรัฐฯ
ขณะที่จีนได้เย้ยหยันต่อจุดยืนของสหรัฐฯ เกี่ยวกับฮ่องกง ในขณะที่สหรัฐฯ เองกำลังเผชิญการประท้วงสิทธิพลเมืองทั่วประเทศหลังเหตุการณ์ตำรวจผิวขาวใช้กำลังเกินกว่าเหตุในการจับกุมจนทำให้ 'จอร์จ ฟลอยด์' ชายชาวอเมริกันผิวสีที่ไม่มีอาวุธเสียชีวิต